การตลาดแบบ Inbound เป็นวิธีดึงดูดลูกค้าด้วยเนื้อหาที่มีประโยชน์ ตรงใจ และไม่ยัดเยียด ช่วยสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าได้แบบระยะยาว แถมยังเพิ่มโอกาสในการขายได้แบบไม่ต้องไล่ตามให้เหนื่อย! ถ้าอยากรู้ว่า ทำไมธุรกิจยุคนี้ถึงไม่ควรมองข้าม การตลาดนี้ Wizdom มีคำตอบรอคุณอยู่!
การตลาดแบบ Inbound คืออะไร?
การตลาดแบบ Inbound คือ วิธีดึงดูดลูกค้าเข้ามาหาธุรกิจด้วยคอนเทนต์ที่มีประโยชน์ เช่น บทความ, วิดีโอ หรือโพสต์บนโซเชียล โดยไม่ใช้วิธีขายแบบรบกวนอย่างโฆษณายัดเยียดหรือโทรขายตรง
หลักการง่าย ๆ คือ ทำให้คนสนใจแบรนด์ด้วยเนื้อหาที่มีคุณค่า จนพวกเขาสนใจแบรนด์และค่อย ๆ กลายเป็นลูกค้า วิธีนี้ช่วยสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวและทำให้ลูกค้ารู้สึกดีมากกว่าการขายแบบตรง
Inbound Marketing และ Outbound Marketing แตกต่างกันอย่างไร?
Inbound Marketing และ Outbound Marketing เป็นสองกลยุทธ์การตลาดที่แตกต่างกันมากในแง่ของวิธีการเข้าถึงลูกค้าและแนวทางที่ใช้ในการดึงดูดลูกค้าใหม่ ๆ
Inbound Marketing
Inbound Marketing คือการตลาดที่มุ่งเน้นการดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาหาเรา โดยใช้การสร้างคอนเทนต์ที่มีคุณค่า เช่น บทความ, วิดีโอ หรือโพสต์ในโซเชียลมีเดีย ที่ตอบโจทย์ความต้องการหรือช่วยแก้ปัญหาของลูกค้า เช่น ถ้าคุณขายผลิตภัณฑ์ดูแลผิว ก็อาจสร้างบทความเกี่ยวกับ “วิธีการเลือกครีมกันแดดที่ดีที่สุด” ซึ่งช่วยให้ผู้คนที่กำลังหาข้อมูลในเรื่องนี้พบเว็บไซต์หรือแบรนด์ของคุณ แล้วค่อย ๆ สร้างความสัมพันธ์จนลูกค้าตัดสินใจซื้อ
ข้อดี ของ Inbound Marketing
ไม่รบกวนลูกค้า ลูกค้าจะเข้ามาหาเราเองตามความสนใจหรือความต้องการที่พวกเขามี
คุ้มค่ากว่า มักจะมีค่าใช้จ่ายที่ต่ำกว่าในระยะยาว เพราะไม่ต้องเสียค่าโฆษณาอย่างต่อเนื่อง
สร้างความเชื่อมั่น การให้ข้อมูลที่มีประโยชน์จะช่วยสร้างความไว้วางใจจากลูกค้า
Outbound Marketing
ในทางกลับกัน
Outbound Marketing คือการตลาดแบบผลักดันข้อมูลไปหาลูกค้า เช่น การโฆษณาผ่านทีวี, วิทยุ, การโทรศัพท์ขายสินค้า หรือการโฆษณาแบบที่ลูกค้าส่วนใหญ่ไม่ได้ร้องขอ ซึ่งมักจะเน้นการยิงโฆษณาไปยังกลุ่มคนจำนวนมาก เพื่อดึงดูดลูกค้าใหม่ ๆ
ข้อดี ของ Outbound Marketing
เร็ว ถ้าคุณต้องการผลลัพธ์ทันที เช่น การทำโปรโมชัน หรือการเข้าถึงลูกค้าระยะสั้น
เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้กว้าง สามารถโปรโมตไปยังคนจำนวนมากได้ทันที
สามารถเพิ่มยอดขายได้เร็ว ถ้ามีข้อเสนอพิเศษหรือโปรโมชันที่ดึงดูด
ตัวไหนดีกว่ากัน?
การเลือกใช้ Inbound Marketing หรือ Outbound Marketing ขึ้นอยู่กับลักษณะของธุรกิจและเป้าหมายที่คุณต้องการ
Inbound Marketing เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้า สร้างความไว้วางใจ และต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว
Outbound Marketing เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการผลลัพธ์ทันที เช่น เมื่อมีการเปิดตัวสินค้าใหม่หรือโปรโมชันพิเศษ ที่ต้องการให้ลูกค้าทราบอย่างรวดเร็ว
กลยุทธ์การทำ Inbound Marketing มีอะไรบ้าง ?
ในการทำ Inbound Marketing ให้ได้ประสิทธิภาพที่สุดนั้น จะอาศัยกลยุทธ์ในการทำอยู่ 4 ขั้นตอน ซึ่งแต่ละขั้นตอนมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
Attract (ดึงดูด)
ขั้นตอนแรกของ Inbound Marketing คือการ ดึงดูด (Attract) คนแปลกหน้าให้เข้ามารู้จักธุรกิจของคุณ และเปลี่ยนพวกเขาให้กลายเป็นผู้เข้าชม (Visitors) ที่สนใจเนื้อหาหรือบริการที่นำเสนอ หากอยากรู้วิธีดึงดูดผู้ชมให้มากขึ้นอ่านบทความ
เพิ่ม Traffic ให้เว็บไซต์ ได้เลย
การทำ Attract นี้สามารถทำได้หลายวิธีที่มุ่งเน้นการสร้างเนื้อหาคุณภาพ ซึ่งตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย เช่น
การทำ SEO (Search Engine Optimization) SEO คือเครื่องมือสำคัญในการดึงดูดผู้เข้าชมเว็บไซต์ระยะยาว เพราะคนส่วนใหญ่ค้นหาข้อมูลผ่าน Google หากเว็บไซต์ของคุณติดผลการค้นหาที่เกี่ยวข้อง ก็จะช่วยเพิ่มการมองเห็นและขยายฐานลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Social Media โซเชียลมีเดีย อย่าง Facebook, Instagram, Twitter หรือ TikTok คือช่องทางหลักในการสร้างการรับรู้แบรนด์และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ง่ายขึ้น สื่อเหล่านี้ช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้ติดตามและเพิ่มโอกาสในการดึงดูดลูกค้า
Convert (เปลี่ยนผู้เข้าชมเป็นลูกค้า)
หลังจากที่คุณดึงดูดผู้เข้าชมเว็บไซต์ได้แล้ว ขั้นตอนถัดไปคือการเปลี่ยนผู้เข้าชมเหล่านั้นให้กลายเป็น “ว่าที่ลูกค้า” หรือ Leads ซึ่งหมายถึงคนที่แสดงความสนใจในสิ่งที่คุณเสนอ ไม่ว่าจะเป็นสินค้าหรือบริการของคุณ
โดยขั้นตอนนี้จะมีชื่อเรียกเทคนิคอย่างเป็นทางการว่า Lead Generation หรือกระบวนการสร้าง Leads สู่ธุรกิจ ซึ่งหัวใจสำคัญของขั้นตอนนี้จะมีอยู่ 2 อย่างคือ
การสร้างคุณค่าให้กับตัวคอนเทนต์ (Content Value) สร้างเนื้อหาที่มีประโยชน์และตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมาย เช่น บทความให้ข้อมูล, eBook ฟรี หรือคูปองส่วนลด เพื่อให้ผู้เข้าชมเห็นคุณค่าและยินดีให้ข้อมูลส่วนตัวเพื่อลงทะเบียน
การเก็บรายชื่อของว่าที่ลูกค้า (Lead Capture) ขอข้อมูลจากผู้ที่สนใจ เช่น อีเมลหรือสมัครรับข่าวสาร ผ่านฟอร์มที่เตรียมไว้ ช่วยให้คุณติดตามและสร้างความสัมพันธ์ต่อไปได้ สร้างฐานลูกค้าที่มีศักยภาพสำหรับธุรกิจในอนาคต
Close (ปิดการขาย)
หลังจากที่เราได้ข้อมูลจากผู้สนใจแล้ว ขั้นตอนที่ 3 การเปลี่ยนให้ ว่าที่ลูกค้า กลายมาเป็นลูกค้าจริง ๆ โดยอาศัยการใช้เทคนิคการตลาดในรูปแบบต่าง ๆ และการสร้างปฏิสัมพันธ์ที่ดีให้กับลูกค้า เพื่อเพิ่มความสัมพันธ์และความเชื่อมั่นในแบรนด์ของคุณ
การทำ Lead Nurturing คือกระบวนการที่ช่วยเปลี่ยนว่าที่ลูกค้าธรรมดา (Leads) ให้กลายเป็นว่าที่ลูกค้าคุณภาพ (Quality Leads) ซึ่งหมายถึงกลุ่มลูกค้าที่มีแนวโน้มจะกลายเป็นลูกค้าจริง ๆ อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด
ในขั้นตอนนี้มี 2 เทคนิคสำคัญที่ช่วยให้คุณดูแลและเปลี่ยนลูกค้าจาก “ว่าที่ลูกค้า” ให้กลายเป็น “ลูกค้าจริง” ได้
Email Marketing ส่งอีเมลเพื่อแจ้งข่าวสาร, โปรโมชัน หรือข้อเสนอพิเศษให้กับกลุ่ม Leads เพื่อให้พวกเขารู้สึกมีคุณค่าและใส่ใจ เช่น การส่งอัปเดตข้อมูลหรือดีลพิเศษอย่างสม่ำเสมอ ช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับแบรนด์
การใช้งาน Marketing Automation และการสร้าง Workflows เมื่อมี Leads จำนวนมาก เครื่องมือ Marketing Automation ช่วยส่งข้อมูลอัตโนมัติไปยังกลุ่มเป้าหมาย เช่น การส่งอีเมลอัตโนมัติหรือติดตั้ง ChatBot บนเว็บไซต์ ช่วยตอบคำถามทันที สร้างความประทับใจ และกระตุ้นให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้เร็วขึ้น!
Delight (สร้างความพึงพอใจและความภักดี)
ขั้นตอนสุดท้ายของ Inbound Marketing คือการทำให้ลูกค้าพึงพอใจและผูกพันกับแบรนด์ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่ช่วยให้พวกเขากลับมาซื้อซ้ำและแนะนำธุรกิจของคุณต่อไป การสร้างความสุขให้ลูกค้าไม่ใช่แค่การให้บริการที่ดี แต่ต้องมอบประสบการณ์ที่พิเศษและดูแลลูกค้าอย่างใส่ใจจริง ๆ
การทำแบบสำรวจ (Survey) การทำแบบสำรวจช่วยให้คุณได้รับความคิดเห็นจากลูกค้าเกี่ยวกับสินค้าและบริการของคุณ นอกจากจะช่วยให้รู้ว่าต้องปรับปรุงอะไรแล้ว ยังทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าความคิดเห็นของพวกเขามีค่าด้วย การฟัง Feedback จะช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าและเพิ่มความภักดีในแบรนด์ของคุณ
การใช้ Influencer Marketing Influencer Marketing คือการใช้บุคคลที่มีอิทธิพลในโลกออนไลน์มาช่วยโปรโมทสินค้าให้กับกลุ่มเป้าหมายของคุณ การเลือก Influencer ที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายจะทำให้ลูกค้ารู้สึกมั่นใจในการเลือกซื้อสินค้าและช่วยกระตุ้นให้ลูกค้าบอกต่อสินค้าและบริการของคุณ
Personalized Marketing Personalized Marketing คือการปรับแต่งการสื่อสารและข้อเสนอให้เหมาะสมกับลูกค้าแต่ละคน เช่น การส่งข้อเสนอพิเศษหรือโปรโมชันที่ตรงกับความสนใจของลูกค้า ทำให้ลูกค้ารู้สึกพิเศษและเชื่อมโยงกับแบรนด์ได้มากขึ้น
Social Media Monitoring Social Media Monitoring คือการติดตามความคิดเห็นของลูกค้าที่โพสต์บนโซเชียลมีเดีย เช่น Facebook หรือ Instagram ซึ่งช่วยให้คุณเข้าใจสิ่งที่ลูกค้าคิดเกี่ยวกับแบรนด์ของคุณ การฟัง Feedback จากลูกค้าช่วยให้คุณสามารถปรับปรุงบริการได้ทันทีและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า
ตัวอย่าง การทำ Inbound Marketing ของ Wizdom
Wizdom ใช้กลยุทธ์ Inbound Marketing ผ่านการสร้างเนื้อหาที่มีคุณค่าและตรงใจกลุ่มเป้าหมาย ด้วย
Marketing Funnel ที่ดึงดูดลูกค้าเข้าสู่เว็บไซต์ พร้อมให้ข้อมูลที่มีประโยชน์และนำไปใช้ได้จริง ช่วยเพิ่มความสนใจและสร้างความสัมพันธ์กับแบรนด์อย่างยั่งยืน
ตัวอย่างเช่น เว็บไซต์ของ Wizdom ได้ทำการสร้างบทความและคอนเทนต์ที่สอดคล้องกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย ในแต่ละขั้นตอนของ Marketing Funnel ตั้งแต่การดึงดูดความสนใจของลูกค้า (Attract) ไปจนถึงการแปลงลูกค้าผ่านการให้ข้อมูลเพิ่มเติมและคำแนะนำที่เป็นประโยชน์
บทสรุป
การตลาดแบบ Inbound คือ กลยุทธ์ที่ดึงดูดลูกค้าด้วยเนื้อหาที่มีคุณค่าและตอบโจทย์ความต้องการ แทนการโฆษณาแบบดั้งเดิม ช่วยสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้า ด้วยข้อมูลที่มีประโยชน์และแก้ปัญหาได้จริง ทำให้ลูกค้ารู้สึกผูกพันกับแบรนด์และยินดีแนะนำต่อ สำหรับธุรกิจยุคใหม่ที่ต้องการเติบโตอย่างยั่งยืน Wizdom บริษัท
รับทำการตลาดคลินิก พร้อมช่วยวางกลยุทธ์ Inbound Marketing ให้ตอบโจทย์ธุรกิจคุณ
ติดต่อเราเข้ามาได้เลย!
ปรึกษา Wizdom
สอบถามเพิ่มเติม : hello@wizdom.co.th โทรติดต่อ : 062-353-5197
Please enable JavaScript in your browser to submit the form
Post Views: 1,522
3 Comments
Comments are closed.