ทฤษฎีของ Maslow : Hierarchy of needs
ทฤษฎีมาสโลว์ คือการวางลำดับความต้องการของมนุษย์จากพื้นฐานสู่จิตใจ เช่น ความต้องการทางร่างกาย, ความปลอดภัย, ความรัก, การมีเกียรติมีศักดิ์ศรี และการบรรลุศักยภาพ ซึ่งแนวคิดนี้ถูกนำไปประยุกต์ใช้ในหลายด้าน รวมถึงธุรกิจและการตลาด อยากรู้ว่าทำไมทฤษฎีนี้นำไปประยุกต์ใช้อย่างไร? Wizdom ได้สรุปมาให้แล้ว!
ทฤษฎีมาสโลว์ (Hierarchy of Needs)
จากการค้นคว้าของ อับราฮัม มาสโลว์ (Abraham Maslow) อธิบายว่า Maslow’s Theory คือการลำดับขั้นความต้องการของมนุษย์ มนุษย์มีความต้องการที่จัดเรียงเป็นลำดับขั้นตามความจำเป็น เริ่มต้นจากความต้องการพื้นฐานสำหรับการอยู่รอดจะได้รับการตอบสนองก่อน เมื่อความต้องการพื้นฐานเหล่านี้ได้รับการตอบสนองแล้ว ก็จะมีความพร้อมที่จะพัฒนาสู่ความต้องการขั้นต่อไป
ลำดับขั้นความต้องการของมาสโลว์ มักถูกนำเสนอโดยรูปพิระมิดที่ความต้องการที่มากที่สุด พื้นฐานที่สุดจะอยู่ข้างล่างและความต้องการความสมบูรณ์ของชีวิต (self-actualization) จะอยู่บนสุด ดังนี้
ขั้นที่ 1 ความต้องการทางร่างกาย (Physiological needs)
ความต้องการทางร่างกายนั้น ถือว่าเป็นความต้องการขั้นพื้นฐานที่สุดเพื่อการดำรงชีพของมนุษย์ทุกคน เพราะหากมนุษย์ไม่ได้รับการตอบสนองเหล่านี้ ก็อาจทำให้ไม่สามารถเอาตัวรอดได้ เช่น ความต้องการอาหาร, น้ำ, อากาศหายใจ, เสื้อผ้า และที่พักอาศัย รวมไปถึงความต้องการทางเพศในการสืบพันธุ์และรักษาเผ่าพันธุ์ให้ดำรงอยู่ได้
ขั้นที่ 2 ความต้องการความปลอดภัย (Safety needs)
ในชีวิตประจำวัน เราต่างต้องการความรู้สึกที่มั่นคงและปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็นงานที่มั่นคง เงินในกระเป๋าที่เพียงพอ หรือแม้แต่สุขภาพที่ดีและบ้านที่อบอุ่น เมื่อเราได้ความรู้สึกปลอดภัยแล้ว เราก็สามารถวางแผนอนาคตและเผชิญกับความท้าทายในแต่ละวันได้อย่างมั่นใจ เพราะความต้องการนี้เป็นพื้นฐานสำคัญที่ช่วยให้เราเติบโตและมีชีวิตที่มีความสุขทุกวัน
ขั้นที่ 3 ความต้องการความรักและเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม (Love and Belonging needs)
มนุษย์ทุกคนต้องการเป็นที่รัก ต้องการมีความสัมพันธ์ที่ดี ได้รับความรัก หรือรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม ความต้องการนี้เป็นความต้องการที่เกี่ยวข้องกับอารมณ์ ความรู้สึก ซึ่งเป็นความต้องการทางด้านสังคม (Social Needs) โดยที่ความสัมพันธ์เหล่านี้จะกระตุ้นให้เกิดพฤติกรรมต่าง ๆ ตามมา เพราะพื้นฐานของมนุษย์นั้นไม่อยากอยู่อย่างโดดเดี่ยว ไม่อยากมีความกังวล และไม่อยากถูกทอดทิ้ง
ขั้นที่ 4 ความต้องการมีเกียรติและศักดิ์ศรี (Esteem needs)
เมื่อความต้องการทั้ง 3 ขั้นได้รับการเติมเต็มอย่างเต็มที่แล้ว ในขั้นที่ 4 คือการได้รับความเคารพนับถือจากผู้คนรอบข้าง เพื่อให้รู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่า ไม่รู้สึกอ่อนแอหรือต่ำต้อย เช่น ความเชี่ยวชาญในทักษะต่าง ๆ, การจบการศึกษาดี ๆ, ความต้องการที่จะได้รับการเคารพจากคนอื่น ความต้องการด้านนี้ยังรวมไปถึงสิ่งต่าง ๆ เช่น ความรู้สึกมีคุณค่า หรือ Self-esteem เช่นกัน
ขั้นที่ 5 ความต้องการบรรลุศักยภาพแห่งตน (Self-actualization)
นี่คือระดับสูงสุดในทฤษฎีของมาสโลว์ ซึ่งหมายถึงจุดสูงสุดของความต้องการของมนุษย์นั้น คือความสมบูรณ์แบบในชีวิตนั่นเองโดยมาสโลว์เชื่อว่ามนุษย์นั้นสามารถพัฒนาตัวเองเพื่อไปสู่ความสมบูรณ์แบบมากที่สุดได้ และการที่จะมาสู่ในขั้นนี้ได้นั้นต้องผ่านทฤษฎีของมาสโลว์ (Hierarchy of Needs) 4 ขั้นตอนที่กล่าวมาข้างต้นอย่างดีที่สุดก่อน
ทฤษฎีของมาสโลว์ มีประโยชน์อย่างไรในทางธุรกิจ?
ทฤษฎีของมาสโลว์ช่วยให้ธุรกิจเข้าใจแรงจูงใจและความต้องการของลูกค้าในทุกระดับ ตั้งแต่พื้นฐานจนถึงความต้องการด้านจิตใจ ซึ่งเป็นแนวทางในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าจริง ๆ
นอกจากนี้ยังช่วยวางกลยุทธ์การตลาดที่ตอบโจทย์และสร้างความผูกพันกับลูกค้าในระยะยาว อีกทั้งยังสามารถประยุกต์ใช้ภายในองค์กรเพื่อส่งเสริมแรงจูงใจและพัฒนาศักยภาพของทีมงานให้เติบโตอย่างยั่งยืนได้อีกด้วย
ตัวอย่างของการใช้ประโยชน์ในทฤษฎีลำดับขั้นความต้องการของมาสโลว์ (Hierarchy of Needs) ในวงการต่าง ๆ
บทสรุป
ทฤษฎีมาสโลว์ เป็นการอธิบายลำดับขั้นความต้องการของมนุษย์ ตั้งแต่พื้นฐานไปจนถึงด้านจิตใจ เช่น ความต้องการด้านร่างกาย, ความปลอดภัย, ความรัก, การมีเกียรติ มีศักด์ศรี และการบรรลุศักยภาพ เมื่อนำมาปรับใช้ในธุรกิจ จะช่วยพัฒนาสินค้าและบริการให้ตอบโจทย์ลูกค้าได้ตรงจุดมากขึ้น Wizdom ใช้แนวคิดนี้วางกลยุทธ์การตลาด เพื่อให้แบรนด์เติบโตอย่างมั่นคง พร้อมทีมที่เชี่ยวชาญด้านเว็บไซต์ และรับยิงโฆษณา ช่วยให้ธุรกิจของคุณเป็นที่รู้จักและสร้างรายได้ หากคุณสนใจปรึกษาฟรี ติดต่อเราได้เลย!
ปรึกษา Wizdom
สอบถามเพิ่มเติม : hello@wizdom.co.th
โทรติดต่อ : 062-353-5197
โทรติดต่อ : 062-353-5197
