ประเภทของ Keyword เป็นปัจจัยสำคัญของการทำ SEO เพราะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับบน Google ได้ง่ายขึ้น โดย Keyword มี 6 ประเภทด้วยกัน เช่น Generic, Niche, Long-Tail, Short-Term Fresh, Branded และ Intent Keyword แต่ละชนิดมีความแตกต่างยังไง? Wizdom สรุปข้อมูลแบบครบถ้วนมาให้แล้ว!
6 ประเภทของ Keyword ทำ SEO ที่ต้องรู้จัก!
การเลือกใช้ Keyword ที่เหมาะสม คือหัวใจของการทำ SEO มาดูว่าแต่ละแบบช่วยเพิ่มโอกาสติดอันดับ Google ได้อย่างไร?
1. Generic Keyword
Generic Keyword คือคีย์เวิร์ดที่มีปริมาณการค้นหาสูง มักประกอบด้วยคำสั้น ๆ หรือวลีที่มีความหมายกว้าง ๆ เช่น “ทำตาสองชั้น”, “ปากกระจับ”, “เที่ยวภูเขา” หรือ “เสื้อผ้า” เป็นต้น คำเหล่านี้มักถูกใช้โดยผู้ที่ยังไม่ได้เจาะจงว่าต้องการสินค้าหรือบริการใดโดยเฉพาะ ทำให้เหมาะกับการดึงดูดผู้ที่ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการค้นหาข้อมูล
ลักษณะสำคัญของ Generic Keyword?
- ความหมายกว้าง ไม่ได้ระบุรายละเอียดเเบบเจาะจง ทำให้สามารถครอบคลุมเนื้อหาที่หลากหลาย
- ปริมาณการค้นหาสูง มักได้รับการค้นหาจำนวนมาก แต่การเข้าถึงผู้ใช้ที่สนใจจริงอาจทำได้ยาก
- การแข่งขันสูง เว็บไซต์จำนวนมากมักพยายามใช้คีย์เวิร์ดที่มีความกว้างเพื่อดึงดูดทราฟฟิกจากผู้ใช้งานทั่วไป
- ใช้เวลานานในการติดอันดับ เนื่องจากคำค้นหาที่กว้างและไม่เจาะจง ทำให้คุณต้องเน้นสร้างคอนเทนต์ที่มีคุณภาพและได้รับการจัดอันดับสูงก่อน จึงจะสามารถเอาชนะคู่แข่งได้
ตัวอย่างการใช้งาน Generic Keyword
- หากคุณขายรองเท้าวิ่ง การใช้คำว่า “รองเท้าวิ่ง” เป็น Generic Keyword อาจช่วยดึงดูดผู้ที่กำลังเริ่มค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับรองเท้าวิ่ง แต่ยังไม่แน่ใจว่าต้องการซื้อยี่ห้อหรือรุ่นใด
- หากคุณทำธุรกิจเกี่ยวกับการยิงโฆษณา การใช้คำว่า “ยิงแอด” สามารถช่วยดึงดูดผู้ที่ต้องการทำความเข้าใจเบื้องต้นเกี่ยวกับการโฆษณาออนไลน์
2. Niche Keyword
Niche Keyword คือคีย์เวิร์ดที่มีความเฉพาะเจาะจงมากกว่า Generic Keyword ซึ่งผู้ค้นหามักจะรู้ข้อมูลหรือความต้องการของตัวเองอยู่แล้วในระดับหนึ่ง เช่น “รองเท้า Nike”, “ที่เที่ยว น่าน”, “ทำตาสองชั้น กรีดสั้น เเผลมินิ”, “บริษัทรับทำ SEO คลินิกทำตาสองชั้น” หรือ “โบท็อกซ์ ยี่ห้อไหนดี”
ลักษณะสำคัญของ Niche Keyword
- มีความเจาะจง คีย์เวิร์ดเหล่านี้ระบุถึงสิ่งที่ผู้ค้นหาต้องการโดยละเอียด เช่น ยี่ห้อ, สถานที่ หรือคุณสมบัติของสินค้า ซึ่งช่วยให้ผู้ค้นหาเข้าถึงข้อมูลที่ตรงกับความต้องการได้รวดเร็วขึ้น
- ปริมาณการค้นหาน้อยกว่า แม้ว่าจะมีปริมาณการค้นหาน้อยกว่า Generic Keyword แต่ Niche Keyword มีโอกาสที่จะสร้าง Conversion ได้สูงกว่า เพราะผู้ที่ใช้คำค้นหานี้มักมีความตั้งใจที่จะซื้อหรือสนใจเรื่องนั้นจริงจัง
- คู่แข่งน้อยกว่า เนื่องจากเป็นคำที่เฉพาะเจาะจง ทำให้มีการแข่งขันที่น้อยกว่า Generic Keyword ช่วยให้เว็บไซต์ของคุณมีโอกาสติดอันดับบนหน้าแรกได้ง่ายขึ้น
ตัวอย่างการใช้งาน Niche Keyword
- ผลิตภัณฑ์ แทนที่จะใช้คำว่า “รองเท้าวิ่ง” (Generic Keyword) คุณอาจใช้ “รองเท้าวิ่ง Nike รุ่น Pegasus” (Niche Keyword) เพื่อดึงดูดกลุ่มผู้ที่สนใจสินค้านั้นโดยตรง
- บริการ จากคำว่า “บริษัทรับทำ SEO” คุณอาจใช้ “บริษัทรับทำ SEO คลินิกทำตาสองชั้น” เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการบริการเฉพาะด้าน
- การท่องเที่ยว แทนที่จะใช้คำว่า “เที่ยวภูเขา” คุณอาจใช้ “ที่พักบนดอยเชียงใหม่ ราคาถูก” เพื่อดึงดูดผู้ที่สนใจไปท่องเที่ยวที่เจาะจงและมีงบประมาณจำกัด
สรุปข้อดีของ Niche Keyword
- ช่วยเพิ่ม Conversion Rate ได้มากกว่า เพราะผู้ค้นหามีความต้องการที่ชัดเจน
- มีการแข่งขันต่ำกว่า ทำให้ติดอันดับง่ายขึ้น
- ช่วยให้คุณเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
3. Long-Tail Keyword
Long-Tail Keyword คือคีย์เวิร์ดที่มีความเฉพาะเจาะจงและยาวกว่าคีย์เวิร์ดประเภทอื่น ๆ โดยมักประกอบด้วยคำหลายคำที่อธิบายรายละเอียดอย่างชัดเจน เช่น “รองเท้าวิ่ง Nike สำหรับคนเท้าแบน” หรือ “ร้านอาหารเหนือ แม่ริม ราคาไม่แพง”
ลักษณะเด่นของ Long-Tail Keyword
- ความเฉพาะเจาะจงสูง ผู้ค้นหามักจะใช้ Long-Tail Keyword เมื่อพวกเขามีความรู้และรู้ว่าต้องการอะไรอย่างชัดเจน ทำให้การค้นหานี้เจาะจงและมีความตั้งใจสูงกว่าคีย์เวิร์ดทั่วไป
- ปริมาณการค้นหาน้อย แม้ว่าจะมีปริมาณการค้นหาต่ำกว่า Generic Keyword แต่ Long-Tail Keyword มักนำไปสู่การแปลง (Conversion) ที่สูงขึ้น เพราะผู้ค้นหาส่วนใหญ่มักใกล้จะตัดสินใจซื้อหรือดำเนินการ
- คู่แข่งน้อยกว่า เนื่องจากเป็นคำที่มีความเฉพาะเจาะจง จึงมีเว็บไซต์ที่แข่งขันด้วยคีย์เวิร์ดนี้น้อยกว่า ทำให้คุณมีโอกาสสูงที่จะติดอันดับบนหน้าแรกของ Google ได้ง่ายขึ้น
ตัวอย่างการใช้งาน Long-Tail Keyword
- ผลิตภัณฑ์ แทนที่จะใช้คำว่า “โบท็อกซ์” (Generic Keyword) คุณอาจใช้ “โบท็อกซ์ยี่ห้อ Hugel สำหรับปรับรูปหน้าเรียว” (Long-Tail Keyword) เพื่อเข้าถึงผู้ที่มีความต้องการเฉพาะ
- การท่องเที่ยว แทนที่จะใช้คำว่า “เที่ยวภูเขา” คุณอาจใช้ “ที่พักบนดอย ม่อนเเจ่ม มีหมูกระทะ” เพื่อดึงดูดผู้ที่มองหาที่พักแบบเฉพาะเจาะจง
- บริการ จากคำว่า “บริษัทรับทำ SEO” คุณอาจใช้ “บริษัทรับทำ SEO สำหรับธุรกิจความงาม ตาสองชั้น” เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการบริการแบบเฉพาะเจาะจง
ข้อดีของ Long-Tail Keyword
- Conversion สูง ผู้ที่ใช้ Long-Tail Keyword มักเป็นกลุ่มที่ใกล้จะตัดสินใจซื้อ ทำให้เพิ่มโอกาสในการขายสินค้าและบริการได้มากขึ้น
- การแข่งขันต่ำ ช่วยให้เว็บไซต์ของคุณมีโอกาสติดอันดับง่ายขึ้น เนื่องจากมีคู่แข่งน้อยกว่า
- เพิ่มคุณภาพของทราฟฟิก ดึงดูดผู้เข้าชมที่ตรงกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งสนใจในสิ่งที่คุณเสนออย่างแท้จริง
4. Branded Keyword
Branded Keyword คือคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับชื่อแบรนด์หรือธุรกิจของคุณโดยตรง เช่น “Wizdom”, “ Classcare Clinic”, “Youngdo Clinic”, “Reverie Clinic” หรือ “Reviewjing” คำเหล่านี้มักถูกค้นหาโดยผู้ที่รู้จักแบรนด์ของคุณอยู่แล้วหรือมีความสนใจเฉพาะเจาะจงในผลิตภัณฑ์หรือบริการที่คุณนำเสนอ
ลักษณะสำคัญของ Branded Keyword
- สร้างความน่าเชื่อถือ เมื่อผู้ใช้งานค้นหาชื่อแบรนด์ของคุณ แสดงว่าพวกเขารู้จักและเชื่อมั่นในธุรกิจของคุณอยู่แล้ว ซึ่งเป็นการบ่งชี้ถึงความไว้วางใจในแบรนด์
- Conversion สูง เนื่องจากผู้ที่ค้นหามีความคุ้นเคยหรือเคยได้ยินชื่อแบรนด์ของคุณมาก่อน ทำให้มีแนวโน้มที่จะตัดสินใจซื้อสินค้าและบริการได้ง่ายกว่า
- การแข่งขันต่ำกว่า Branded Keyword มักมีการแข่งขันต่ำกว่า Generic Keyword เพราะเน้นเฉพาะเจาะจงที่แบรนด์ของคุณ ทำให้คุณมีโอกาสติดอันดับสูงกว่าคำค้นหาทั่วไป
ตัวอย่างการใช้งาน Branded Keyword
- ผลิตภัณฑ์ แทนที่จะใช้คำว่า “ฟิลเลอร์” (Generic Keyword) คุณอาจใช้ “ฟิลเลอร์ Youngdo Clinic” เพื่อดึงดูดกลุ่มลูกค้าที่สนใจบริการจากคลินิกของคุณโดยตรง
- บริการ หากคุณเป็นเอเจนซี่การตลาด คุณสามารถใช้คำว่า “Wizdom ยิงโฆษณา” เพื่อเข้าถึงผู้ที่กำลังมองหาบริการยิงโฆษณาโดยเฉพาะจากบริษัทของคุณ
- การท่องเที่ยว “โรงแรม The Hill Pakchong” ช่วยดึงดูดลูกค้าที่กำลังมองหาข้อมูลเกี่ยวกับโรงแรมของคุณโดยตรง
ข้อดีของการใช้ Branded Keyword
- สร้าง Brand Loyalty ช่วยให้ลูกค้าจำแบรนด์ของคุณได้ง่ายขึ้น และเพิ่มโอกาสในการกลับมาซื้อซ้ำ
- ดึงดูดทราฟฟิกที่มีคุณภาพ ผู้ที่ค้นหา Branded Keyword มักจะสนใจแบรนด์ของคุณโดยเฉพาะ ทำให้เพิ่ม Conversion Rate ได้ง่ายขึ้น
- เพิ่มการรับรู้ของแบรนด์ การทำ SEO ด้วย Branded Keyword ช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์ของคุณในตลาด
5. Short-Term Fresh Keyword
Short-Term Fresh Keyword คือ คีย์เวิร์ดที่เกิดขึ้นจากกระแสหรือเหตุการณ์ที่เป็นที่นิยมในช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น เช่น “iPhone 16 เปิดตัว”, “Black Friday Sale 2024”, “ฮิปโปหมูเด้ง” หรือ “ฟุตบอลโลก 2024”
ลักษณะสำคัญของ Short-Term Fresh Keyword
- ความนิยมสูงในระยะเวลาสั้น คำค้นหาประเภทนี้มักมีปริมาณการค้นหาพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงเวลาหนึ่ง แต่จะลดลงหรือหายไปเมื่อความสนใจของผู้คนหมดลง
- เน้นความรวดเร็ว การทำ SEO สำหรับ Short-Term Fresh Keyword ต้องเร็วทันกระแส ยิ่งสร้างคอนเทนต์ทันเวลา ยิ่งดึงดูด Traffic ได้มากในช่วงที่คำค้นหานั้นกำลังฮิต
- เหมาะกับการทำการตลาดแบบเร่งด่วน ใช้ดึงดูดผู้เข้าชมที่สนใจในเรื่องที่กำลังเป็นกระแส เช่น ข่าวด่วน, โปรโมชันพิเศษ หรือเหตุการณ์เฉพาะหน้า
ตัวอย่างการใช้งาน Short-Term Fresh Keyword
- ผลิตภัณฑ์ใหม่ หากมีการเปิดตัวสินค้าหรือบริการใหม่ เช่น “Samsung Galaxy S24 รีวิว” คุณควรรีบทำคอนเทนต์ที่เกี่ยวข้องเพื่อดึงดูดผู้ที่กำลังค้นหาข้อมูล
- โปรโมชัน ในช่วงเทศกาลลดราคา คุณอาจใช้คำว่า “โปร Shopee 11.11” เพื่อดึงดูดลูกค้าที่สนใจเข้ามาชมข้อเสนอพิเศษ
- เหตุการณ์สำคัญ การใช้คีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ เช่น “ผลบอล ยูโร 2024” หรือ “งานมหกรรมหนังสือ 2567” ช่วยดึงดูดผู้ที่กำลังติดตามข่าวสารล่าสุด
ข้อดีของการใช้ Short-Term Fresh Keyword
- ดึงดูดทราฟฟิกจำนวนมากในระยะเวลาสั้น ช่วยเพิ่มจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ได้อย่างรวดเร็วในช่วงเวลาที่คำค้นหานั้นกำลังได้รับความนิยม
- เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงลูกค้าใหม่ หากคุณสามารถสร้างคอนเทนต์ที่น่าสนใจและตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้งาน คุณอาจได้ลูกค้าใหม่จากการค้นหาด้วยคีย์เวิร์ดเหล่านี้
- ช่วยสร้าง Brand Awareness การสร้างคอนเทนต์ที่เกี่ยวข้องกับกระแสช่วยเพิ่มการรับรู้แบรนด์ในกลุ่มเป้าหมายที่กำลังให้ความสนใจในเรื่องเดียวกัน
6. Intent Keyword
Intent Keyword คือ คีย์เวิร์ดที่สะท้อนความตั้งใจของผู้ค้นหา การเข้าใจ Intent ช่วยสร้างคอนเทนต์ตรงใจกลุ่มเป้าหมาย ดึงดูดTraffic คุณภาพ และเพิ่ม Conversion Rate ได้อย่างมีประสิทธิภาพ!
ประเภทของ Intent Keyword มี 4 ประเภทหลัก ดังนี้
- Informational Intent (ค้นหาข้อมูล) ใช้เมื่อผู้ค้นหาต้องการความรู้หรือข้อมูลเพิ่มเติม เช่น “วิธีเลือกซื้อฟิลเลอร์” หรือ “วิธีลดน้ำหนัก”
- Navigational Intent (ค้นหาเว็บไซต์หรือแบรนด์เฉพาะ) ใช้เมื่อผู้ค้นหาต้องการเข้าถึงเว็บไซต์หรือบริการเฉพาะเจาะจง เช่น “Facebook login” หรือ “เว็บไซต์ Wizdom”
- Transactional Intent (ค้นหาซื้อสินค้า/บริการ) ใช้เมื่อผู้ค้นหาพร้อมที่จะซื้อสินค้าหรือบริการ เช่น “ซื้อ iPhone 15 ราคาถูก”
- Commercial Investigation Intent (ค้นหาเพื่อเปรียบเทียบก่อนซื้อ) ใช้เมื่อผู้ค้นหากำลังพิจารณาหรือเปรียบเทียบสินค้าก่อนตัดสินใจซื้อ เช่น “โบท็อกซ์ยี่ห้อไหนดีที่สุด” หรือ “รีวิวกล้อง Canon vs Sony”
ข้อดีของการใช้ Intent Keyword
- เพิ่ม Conversion ช่วยให้คุณดึงดูดผู้ใช้งานที่ตรงกับจุดประสงค์ในการค้นหา ทำให้มีโอกาสในการขายมากขึ้น
- ปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้งาน คอนเทนต์ที่ตรงกับ Intent ของผู้ค้นหาช่วยให้ผู้เข้าชมได้รับสิ่งที่พวกเขาต้องการทันที
- เพิ่มคุณภาพของทราฟฟิก ดึงดูดผู้ที่สนใจจริง ๆ ทำให้การเข้าชมเว็บไซต์ของคุณมีคุณภาพมากขึ้น
การเลือก Keyword ช่วยดึงดูดผู้เข้าชมได้ แต่ไม่ใช่ปัจจัยเดียวที่เพิ่ม Traffic หากอยากรู้วิธีเพิ่มเติมสามารถเข้าไปอ่านบทความ
การเพิ่ม Traffic ให้เว็บไซต์ ได้เลย!
บทสรุป
การเลือกประเภทของ Keyword เป็นกุญแจสำคัญในการเพิ่มอันดับและดึงดูด Traffic สู่เว็บไซต์ของคุณ การเข้าใจ
Generic, Niche, Long-Tail, Short-Term Fresh, Branded และ
Intent Keyword จะช่วยวางกลยุทธ์ให้ตรงกลุ่มเป้าหมาย เพิ่มผู้เข้าชมและ Conversion ได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากกำลังมองหาผู้ช่วยด้าน SEO ที่ตอบโจทย์ยุคดิจิทัล Wizdom บริษัทรับทำ SEO พร้อมช่วยธุรกิจของคุณเติบโต
ทักหาเราได้เลย!!
ปรึกษา Wizdom
สอบถามเพิ่มเติม : hello@wizdom.co.th
โทรติดต่อ : 062-353-5197
Post Views: 724