5 วิธี วิเคราะห์ SEO คู่แข่งอย่างมืออาชีพ เพิ่มอันดับให้แซงหน้า!

5 วิธีวิเคราะห์ SEO คู่แข่ง อย่างมืออาชีพ เพิ่มอันดับให้แซงหน้า!
วิธีวิเคราะห์ SEO คู่แข่ง เป็นขั้นตอนสำคัญในการแข่งขันธุรกิจออนไลน์ที่ช่วยให้คุณปรับปรุงเว็บไซต์ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น การวิเคราะห์นี้ไม่เพียงแต่ช่วยทำ SEO ภายในเว็บไซต์ แต่ยังช่วยให้คุณค้นพบช่องทางใหม่ ๆ และกลยุทธ์ที่สามารถใช้แซงคู่แข่งได้ นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มโอกาสให้เว็บไซต์ของคุณขึ้นอันดับในผลการค้นหาของ Google ได้อย่างรวดเร็ว วันนี้ Wizdom จะพาคุณไปทำความรู้จักกับ 5 วิธีวิเคราะห์ SEO แบบมืออาชีพที่จะทำให้เว็บไซต์ของคุณก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในตลาดได้เร็วขึ้น!
“การทำ SEO ไม่ใช่แค่การสร้างเนื้อหาที่ดี แต่คือการมองเกมให้ออก เเละวิเคราะห์คู่แข่งอย่างรอบด้าน ตั้งแต่การเลือกคีย์เวิร์ด, เนื้อหาที่สื่อสาร, การทำ PR บนแพลตฟอร์มต่าง ๆ, ความถี่ในการอัปเดต ไปจนถึงการคาดการณ์ Conversion อย่างแม่นยำ เพราะการเข้าใจทุกแง่มุมของคู่แข่ง คือกุญแจสำคัญในการวางแผนกลยุทธ์อย่างเฉียบคม และก้าวขึ้นเป็นผู้นำในทุกคำค้นหา”
Foongjan Wangborisut | SEO Specialist | Wizdom

5 วิธีวิเคราะห์ SEO คู่แข่ง

5 วิธีวิเคราะห์ SEO เว็บไซต์คู่แข่ง

1. ค้นหาดูว่า คุณกำลังทำ SEO แข่งอยู่กับใคร

การรู้จักคู่แข่ง เป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญที่สุดในการวิเคราะห์ SEO เพราะจะช่วยให้คุณเข้าใจว่าใครกำลังแข่งขันกับคุณในพื้นที่ออนไลน์ และพวกเขาใช้กลยุทธ์อะไรเพื่อให้ติดอันดับในหน้าผลการค้นหา การระบุคู่แข่งอย่างแม่นยำจะช่วยให้คุณสร้างเป้าหมาย SEO ที่ชัดเจนยิ่งขึ้น
“รู้เขา รู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง จริงไหมหล่ะ!”
โดยคู่แข่งในการทำ SEO จะมีอยู่ 2 ประเภทหลัก ๆ คือ
  • คู่แข่งทางตรง คือ ธุรกิจที่ขายสินค้าและบริการเหมือนกับคุณ เช่น หากคุณเปิดบริษัทรับทำ SEO คู่แข่งทางตรงของคุณจะเป็นบริษัทที่ให้บริการรับทำ SEO เช่นกัน ซึ่งกลุ่มลูกค้าและตลาดเป้าหมายมีความใกล้เคียงกัน การวิเคราะห์คู่แข่งทางตรงอย่างละเอียดจะช่วยให้คุณเห็นจุดแข็งและจุดอ่อนของพวกเขา พร้อมทั้งสามารถปรับกลยุทธ์ SEO ของคุณให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
  • คู่แข่งทางอ้อม คือ ธุรกิจที่ไม่จำเป็นต้องขายสินค้าเหมือนคุณ แต่มีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเดียวกัน เช่น หากคุณขายเครื่องสำอาง คู่แข่งทางอ้อมอาจเป็นบล็อกความงามหรือร้านที่ขายอุปกรณ์เสริมความงาม การวิเคราะห์คู่แข่งทางอ้อมจะช่วยให้คุณมองเห็นโอกาสในการดึงดูดผู้เข้าชมเว็บไซต์จากแหล่งที่เกี่ยวข้อง และช่วยขยายฐานลูกค้าของคุณให้กว้างขึ้น ด้วยกลยุทธ์ SEO ที่ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายมากที่สุด

วิธีการค้นหาคู่แข่งเพื่อนำมาวิเคราะห์ SEO

การเริ่มต้นวิเคราะห์ SEO คู่แข่ง คือการค้นหาคีย์เวิร์ดหลักที่เกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการของคุณใน Google โดยการค้นหาคำหลักที่คุณใช้ในกลยุทธ์ SEO ของคุณ วิธีการค้นหานี้สามารถทำได้ง่าย ๆ ดังนี้ค่ะ
  • ค้นหาคีย์เวิร์ดหลักใน Google เริ่มต้นโดยการค้นหาคำหลักที่คุณใช้ในการทำ SEO เช่น “รับทำ SEO”, “บริการรับทำเว็บไซต์” หรือคำที่เกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการของคุณ
  • สังเกตเว็บไซต์ที่อยู่ในอันดับต้น ๆ สังเกตเว็บไซต์ที่ติดอันดับแรก ๆ ในผลการค้นหาของ Google เพราะพวกเขาคือคู่แข่งที่คุณต้องวิเคราะห์ดูว่าเขาทำ SEO อย่างไรบ้าง
  • ตรวจสอบคู่แข่งที่ปรากฏซ้ำ ๆ หากเว็บไซต์ไหนปรากฏบ่อย ๆ ในผลการค้นหาคีย์เวิร์ดของคุณ นั่นคือคู่แข่งที่สำคัญที่คุณควรวิเคราะห์ให้ลึกขึ้น

2. วิเคราะห์ภาพรวมของเว็บไซต์คู่แข่ง

การวิเคราะห์ภาพรวมของเว็บไซต์คู่แข่ง เป็นอีกหนึ่งขั้นตอนสำคัญในการวางแผน SEO เพราะเว็บไซต์ที่มีการออกแบบดีและเป็นมิตรกับ SEO จะช่วยเพิ่มอันดับได้มากขึ้น การทำให้เว็บไซต์ของคุณมีประสิทธิภาพทั้งในแง่ของการใช้งานและการแสดงผล จะทำให้ Google ชื่นชอบเว็บไซต์ของคุณมากขึ้น

สิ่งที่ควรตรวจสอบ

  • ความเร็วในการโหลดเว็บไซต์ เว็บไซต์ที่โหลดเร็วจะทำให้ผู้ใช้ไม่ต้องรอนานและช่วยให้ Google ให้คะแนน SEO ดีขึ้น คุณสามารถใช้ Google PageSpeed Insights เพื่อตรวจสอบความเร็วของเว็บไซต์คู่แข่ง
  • การแสดงผลบนมือถือ เว็บไซต์ที่รองรับการแสดงผลได้ดีบนมือถือจะช่วยให้ผู้ใช้เข้าถึงได้สะดวกยิ่งขึ้น และยังช่วยเพิ่มคะแนน SEO จาก Google อีกด้วย ตรวจสอบว่าเว็บไซต์ของคู่แข่งสามารถแสดงผลได้ดีบนมือถือโดยใช้ Google Mobile-Friendly Test
  • การแสดงผลบนทุกอุปกรณ์ เว็บไซต์ที่ปรับขนาดให้เหมาะสมกับอุปกรณ์ต่าง ๆ ช่วยให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์ที่ดี ไม่ว่าจะใช้คอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต หรือมือถือ การออกแบบที่รองรับทุกอุปกรณ์นี้จะทำให้ผู้ใช้ประทับใจและเข้าถึงเนื้อหาบนเว็บไซต์ได้สะดวกยิ่งขึ้น
  • โครงสร้างเว็บไซต์ เว็บไซต์ที่มีเมนูชัดเจนและลิงก์ภายในช่วยให้ผู้ใช้หาข้อมูลได้ง่าย และช่วยให้ Google เข้าใจเว็บไซต์ได้ดียิ่งขึ้น
  • การจัดโครงสร้างของเนื้อหา การใช้ Heading Tags (H1, H2, H3) ที่ถูกต้องช่วยให้ Google เข้าใจเนื้อหาของคุณ และทำให้เนื้อหาดูเรียบร้อยและมีระเบียบ
  • องค์ประกอบในเว็บไซต์ (CTA, รูปภาพ) การมี Call to Action (CTA) ที่ชัดเจน เช่น ปุ่ม “ติดต่อเรา” หรือ “ซื้อเลย” ช่วยให้ผู้ใช้มีส่วนร่วมและเพิ่มการเข้าชมเว็บไซต์
  • การวิเคราะห์ Social Media ช่วยให้คุณเห็นว่า คู่แข่งใช้ Facebook, Instagram หรือแพลตฟอร์มอื่น ๆ อย่างไรในการดึงดูดผู้เข้าชมเว็บไซต์ ช่วยให้คุณสามารถปรับกลยุทธ์ของตัวเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เครื่องมือที่ใช้ในการวิเคราะห์ภาพรวมของเว็บไซต์คู่เเข่ง

การวิเคราะห์ภาพรวมของเว็บไซต์คู่แข่งไม่เพียงแค่ช่วยให้คุณเข้าใจวิธีการที่พวกเขาทำ SEO แต่ยังช่วยให้คุณได้ข้อมูลเชิงลึกเพื่อปรับกลยุทธ์ SEO ของตัวเองให้ดีขึ้น เครื่องมือที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก (Insight) ของเว็บไซต์คู่แข่งที่มีประสิทธิภาพ ได้แก่
  • Ubersuggest เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้คุณเข้าใจแนวโน้มของการค้นหาด้วยคีย์เวิร์ดที่สำคัญ นอกจากนี้ยังช่วยในการวิเคราะห์การติดอันดับของเว็บไซต์คู่แข่งและแสดงข้อมูลเกี่ยวกับ Backlink ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญในการปรับปรุงกลยุทธ์ SEO ของคุณ
  • Ahrefs เป็นเครื่องมือที่เชี่ยวชาญในการตรวจสอบและวิเคราะห์ Backlink และการติดอันดับของเว็บไซต์คู่แข่งอย่างละเอียด คุณสามารถใช้ Ahrefs เพื่อตรวจสอบลิงก์ย้อนกลับที่มีคุณภาพจากเว็บไซต์ต่าง ๆ รวมถึงการเปรียบเทียบกับเว็บไซต์ของตัวเอง ซึ่งจะช่วยให้คุณหาช่องทางในการสร้าง Backlink ที่มีคุณภาพและเพิ่มอันดับ SEO ของเว็บไซต์

3. วิเคราะห์การทำ On-Page SEO ของคู่แข่ง

On-Page SEO คือการปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพเนื้อหาภายในเว็บไซต์ให้สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ของ Google การวิเคราะห์ On-Page SEO ของคู่แข่งจะช่วยให้คุณเข้าใจวิธีการที่พวกเขาปรับปรุงเว็บไซต์และนำข้อมูลเหล่านั้นมาใช้เพื่อพัฒนาเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น
  • การใช้ Keyword ใน Title, Meta Description และ Headings (H1, H2, H3)
    ตรวจสอบว่าเว็บไซต์คู่แข่งใช้ Keyword ที่เหมาะสมในส่วนต่าง ๆ เหล่านี้ เพื่อช่วยให้ Google เข้าใจเนื้อหาของเว็บไซต์ได้ดียิ่งขึ้น
  • การใช้ Internal Links
    การเชื่อมโยงหน้าภายในเว็บไซต์ช่วยให้ผู้ใช้ค้นหาข้อมูลได้ง่ายขึ้น และยังช่วยให้ Google เข้าใจโครงสร้างเว็บไซต์และจัดอันดับได้ดียิ่งขึ้น
  • การใช้ Alt Text ในรูปภาพ
    การใช้ Alt Text ช่วยให้ Google เข้าใจเนื้อหาของรูปภาพและเพิ่มโอกาสในการติดอันดับในผลการค้นหาภาพ (Image Search) หากคู่แข่งใช้ Alt Text อย่างมีประสิทธิภาพ จะช่วยให้ภาพในเว็บไซต์ของพวกเขามีโอกาสได้รับการจัดอันดับที่ดีขึ้นในการค้นหา
  • เนื้อหาที่ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมาย
    ตรวจสอบว่าเนื้อหาของคู่แข่งตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายหรือไม่ เนื้อหาที่ละเอียดและครอบคลุมจะช่วยดึงดูดผู้ใช้และเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับเว็บไซต์

4. วิเคราะห์คีย์เวิร์ด (Keyword) ที่คู่แข่งใช้

การวิเคราะห์ คีย์เวิร์ด (Keyword) ที่คู่แข่งใช้เป็นส่วนสำคัญในการปรับกลยุทธ์ SEO ของคุณ เนื่องจากคีย์เวิร์ดเป็นหัวใจหลักที่ช่วยเพิ่มอันดับในผลการค้นหาของ Google การรู้ว่าคู่แข่งใช้คีย์เวิร์ดอะไร จะช่วยให้คุณรู้ว่าเขากำลังทำอะไรเพื่อดึงดูดผู้ใช้และสามารถหาช่องว่างในการปรับปรุงเว็บไซต์ของคุณได้
  • ใช้เครื่องมือ SEO เช่น Ubersuggest หรือ Ahrefs
    เครื่องมือเหล่านี้ช่วยให้คุณรู้ว่าคู่แข่งใช้คีย์เวิร์ดอะไร และคีย์เวิร์ดเหล่านั้นมีอันดับที่ดีใน Google หรือไม่
  • วิเคราะห์คีย์เวิร์ดที่มี Search Volume สูง
    คีย์เวิร์ดที่มีการค้นหามาก (Search Volume สูง) คือ คำที่ได้รับความนิยม คำเหล่านี้มีโอกาสดึงผู้เข้าชมเว็บไซต์ของคุณมากขึ้น
  • เปรียบเทียบคีย์เวิร์ดของคุณกับคู่แข่ง
    ตรวจสอบว่าคีย์เวิร์ดที่คุณใช้ตรงกับคู่แข่งหรือไม่ หากคู่แข่งใช้คำที่มีการค้นหาสูงและเกี่ยวข้องกับเว็บไซต์ของคุณ อาจต้องปรับคีย์เวิร์ดเพื่อให้สามารถแข่งในตลาดได้
  • ค้นหาช่องว่าง (Gap Keywords)
    ช่องว่างในคีย์เวิร์ด คือคำที่คู่แข่งใช้แต่คุณยังไม่ได้ใช้ การหาคีย์เวิร์ดเหล่านี้จะช่วยเพิ่มโอกาสในการติดอันดับในผลการค้นหาและดึงผู้ใช้งานใหม่ ๆ มาเยี่ยมชมเว็บไซต์ของคุณ

5. วิเคราะห์ SEO Backlink ของเว็บไซต์คู่แข่ง

Backlink คือหนึ่งในปัจจัยที่สำคัญในการช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและอันดับ SEO ของเว็บไซต์ หากคุณสามารถวิเคราะห์และสร้าง Backlink ที่มีคุณภาพจากแหล่งที่ดีได้ จะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณได้รับการจัดอันดับที่สูงขึ้นในผลการค้นหา
  • ใช้เครื่องมือ เช่น Ahrefs หรือ Ubersuggest
    เครื่องมือเหล่านี้จะช่วยให้คุณตรวจสอบว่า Backlink ของคู่แข่งมาจากไหนบ้าง และช่วยให้คุณเห็นข้อมูลสำคัญ เช่น จำนวนและคุณภาพของลิงก์ที่เชื่อมโยงมายังเว็บไซต์
  • วิเคราะห์คุณภาพของ Backlink
    พิจารณาคุณภาพของ Backlink โดยดูที่ Domain Authority (DA) ของเว็บไซต์ต้นทาง และดูว่าเว็บไซต์เหล่านั้นเกี่ยวข้องกับเนื้อหาของคุณหรือไม่ หากเว็บไซต์ต้นทางมี DA สูงและเนื้อหาที่เกี่ยวข้อง จะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและทำให้ SEO ดีขึ้น
  • สร้างกลยุทธ์เพื่อได้ Backlink จากแหล่งเดียวกันหรือแหล่งที่มีคุณภาพดีกว่า
    หลังจากวิเคราะห์ Backlink ของคู่แข่งแล้ว คุณสามารถวางแผนขอ Backlink จากแหล่งเดียวกัน หรือจากแหล่งที่มีคุณภาพดีกว่า เพื่อช่วยเพิ่มโอกาสในการติดอันดับ SEO ของเว็บไซต์คุณ

บทสรุป

วิธีวิเคราะห์ SEO คู่แข่ง เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้คุณเข้าใจกลยุทธ์ที่คู่แข่งใช้และปรับปรุงกลยุทธ์ SEO ของตัวเองให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น การวิเคราะห์นี้จะช่วยให้คุณค้นพบช่องว่างที่คู่แข่งยังไม่ได้ใช้ หรือวิธีที่เขาใช้ในการสร้าง Backlink และเพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์ได้ดีกว่า เมื่อคุณนำข้อมูลที่ได้มาปรับใช้ ก็จะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณสามารถก้าวตามคู่แข่งได้ทันในปี 2025 และเพิ่มอันดับในผลการค้นหาของ Google ได้อย่างแน่นอน! หากคุณต้องการความช่วยเหลือในการปรับกลยุทธ์ SEO หรือยังไม่แน่ใจว่า SEO ของคุณทำได้ดีแค่ไหน Wizdom บริษัทรับทำ SEO พร้อมช่วยให้เว็บไซต์ของคุณเติบโตและสามารถแซงคู่แข่งได้อย่างมั่นคง ติดต่อเราเพื่อขอคำปรึกษาและบริการ SEO ที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของคุณทันที!

ปรึกษา Wizdom

สอบถามเพิ่มเติม : hello@wizdom.co.th
โทรติดต่อ : 062-353-5197
ปรึกษา Wizdom

Similar Posts