Color Theory ทฤษฎีสีในการทำเว็บไซต์

ทฤษฎีสีในการทำเว็บไซต์ การสร้างแบรนด์และการตลาด
ทฤษฎีสีในการทำเว็บไซต์เป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะ สีสามารถสะท้อนบุคลิกของแบรนด์, รสนิยม และกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้ นอกจากนี้ เว็บไซต์ยังเป็นปัจจัยที่ช่วยตัดสินความน่าเชื่อถือของแบรนด์ในโลกออนไลน์ ดังนั้นเว็บไซต์จึงสามารถเปรียบได้กับหน้าตาหรือบ้านธุรกิจของคุณในโลกดิจิทัล วันนี้ Wizdom ได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการใช้สีในเว็บไซต์มาให้คุณศึกษาเเล้ว!

ความสำคัญของทฤษฎีสี

สีมีบทบาทสำคัญในการตลาดและการสร้างแบรนด์ เพราะมันสามารถส่งผลต่อความรู้สึกของผู้ชมได้โดยตรง สีสามารถกระตุ้นความรู้สึกอยากซื้อสินค้า และยังสะท้อนความน่าเชื่อถือของแบรนด์ รวมถึงสามารถช่วยกำหนดกลุ่มลูกค้าที่คุณต้องการเข้าถึงได้ด้วย เช่น กลุ่มอายุและประเภทของลูกค้า สีของเว็บไซต์สามารถแสดงถึงบุคลิกของแบรนด์และภาพลักษณ์ที่เจ้าของธุรกิจต้องการสื่อออกมา
ในการเลือกสีสำหรับเว็บไซต์หรือการออกแบบเว็บไซต์นั้น สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจลักษณะของแบรนด์และกลุ่มเป้าหมาย เพราะข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้การเลือกสีเหมาะสมและตอบโจทย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ความหมายของทฤษฎีสีในการทำเว็บไซต์

ในทางจิตวิทยา มีการศึกษาทฤษฎีสีและความหมายของสีหลากหลาย แต่ในที่นี้ Wizdom จะขอเน้นความหมายหลัก ๆ ของสีที่ส่งผลทางอารมณ์ระหว่างแบรนด์กับลูกค้าในเชิงการตลาด การทำเว็บไซต์ และการออกแบบเว็บไซต์เท่านั้น ซึ่งจะช่วยให้เลือกใช้สีให้เหมาะสมกับภาพลักษณ์และกลุ่มเป้าหมายของธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ซึ่งสีที่ Wizdom ยกมาหลัก ๆ ได้แก่
สีน้ำเงินหรือสีฟ้า (Blue)
blue
สีน้ำเงินหรือสีฟ้าเป็นสีที่ได้รับความนิยมในการทำเว็บไซต์หรือออกแบบเว็บไซต์ เนื่องจากให้ความรู้สึกภูมิฐาน สุขุม และเป็นทางการ สามารถสื่อสารได้ทั้งเพศชายและหญิง หากแบรนด์ธุรกิจของคุณต้องการสร้างความน่าเชื่อถือและไว้วางใจ Wizdom แนะนำให้เลือกใช้สีน้ำเงินหรือสีฟ้า
นอกจากนี้ยังควรระวังเรื่องเฉดสีด้วย เพราะเฉดสีที่ต่างกันจะส่งผลต่อความรู้สึกของผู้รับชม เช่น สีน้ำเงินหรือสีฟ้าเข้มจะให้ความรู้สึกภูมิฐาน แต่สีฟ้าอ่อนหรือฟ้าพาสเทลจะให้ความรู้สึกบริสุทธิ์และร่าเริง ดังนั้น การเลือกเฉดสีจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก
อีกหนึ่งข้อที่ต้องพิจารณาคือ สีน้ำเงินหรือสีฟ้าอาจช่วยลดความอยากอาหาร ดังนั้น หากแบรนด์ธุรกิจของคุณเกี่ยวข้องกับอาหาร ควรเลือกสีที่เหมาะสมกับอุตสาหกรรมนั้น ๆ

ประเภทธุรกิจที่เหมาะกับสีน้ำเงินหรือสีฟ้า

ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์, การแพทย์, หน่วยงานภาครัฐ, กฎหมาย, เทคโนโลยี และธุรกิจที่ต้องการแสดงถึงความภูมิฐาน น่าเชื่อถือ ไว้วางใจได้ เป็นต้น

ตัวอย่างแบรนด์ธุรกิจที่ใช้สีน้ำเงินหรือสีฟ้า

wizdom website
ยกตัวอย่างจาก Wizdom เลยค่ะ ซึ่งแม้จะเป็นธุรกิจรับทำเว็บไซต์และออกแบบเว็บไซต์ที่ไม่เกี่ยวข้องกับงานวิชาการ แต่เราเลือกใช้สีน้ำเงินเพื่อสะท้อนบุคลิกของธุรกิจที่ภูมิฐาน สุขุม และเฉลียวฉลาด นอกจากนี้เรายังใช้สีรองอื่น ๆ ผสมผสาน เพื่อสื่อสารกับกลุ่มลูกค้าหรือผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเราจะอธิบายในบรรทัดถัดไป
สีเหลือง (Yellow) หรือสีส้ม (Orange)
orange
สีเหลืองหรือสีส้มเป็นสีที่สื่อถึงความสดใส สนุกสนาน กระตุ้นความสนใจและความตื่นเต้น ซึ่งมักจะเกี่ยวข้องกับช่วงวัยเด็กหรือวัยรุ่น หากแบรนด์ต้องการกระตุ้นความสนใจหรือให้ความรู้สึกถึงความกระฉับกระเฉงและสดใส Wizdom แนะนำให้ใช้สีเหลืองหรือสีส้ม
ตัวอย่างจากเว็บไซต์ของ Wizdom เอง เราเลือกใช้สีเหลืองเป็นสีรอง เพราะนอกจากจะสะท้อนถึงความสุขุมและเฉลียวฉลาดจากสีฟ้าแล้ว ยังเพิ่มความรู้สึกของทีมงานรุ่นใหม่ที่กระตือรือร้นและหัวไว
หากจะอธิบายบุคลิกโดยรวมของ Wizdom ตามสีเว็บไซต์ ก็สามารถบอกได้ว่า “เราเป็นทีมที่มีความรู้และความสามารถ แต่ยังคงความกระฉับกระเฉงและทันสมัย ที่คุณสามารถเชื่อใจเราได้เต็มที่!”

ประเภทธุรกิจที่เหมาะกับสีเหลืองหรือสีส้ม

ธุรกิจอาหาร, ธุรกิจค้าปลีก, ธุรกิจเกี่ยวกับยานยนต์, เทคโนโลยี, ธุรกิจก่อสร้าง, ธุรกิจด้านความสวยความงาม, เครื่องสำอาง, ฟิตเนส และธุรกิจที่ต้องการสื่อถึงความสดใส สนุกสนาน พลังงานของเด็กหรือวัยรุ่น เป็นต้น

ตัวอย่างแบรนด์ธุรกิจที่ใช้สีเหลืองหรือสีส้ม : Classcare Clinic

classcare website
ตัวอย่างที่น่าสนใจอีกหนึ่งเว็บไซต์ที่ Wizdom ได้รับหน้าที่ออกแบบและพัฒนาเว็บไซต์คือ Classcare Clinic คลินิกที่ให้บริการด้านความสวยความงาม โดยปกติธุรกิจประเภทนี้มักเลือกใช้สีชมพูหรือสีหวาน ๆ เพื่อสื่อถึงความสวยงามและความเป็นเพศหญิง
แต่สำหรับ Classcare คลินิก Wizdom ได้เลือกใช้สีเหลืองในโทนที่ก้ำกึ่งระหว่างเหลืองกับทอง ซึ่งสีนี้ไม่จี๊ดเกินไป และสื่อถึงความสดใส กระตุ้นกลุ่มลูกค้าวัยรุ่น ขณะเดียวกันยังคงความพรีเมียมและสร้างความเชื่อถือได้ เน้นความสมดุลระหว่างความทันสมัยและความน่าเชื่อถือ เพื่อให้ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ
สีขาว (White)
white
สีขาวเป็นสีที่สื่อถึงความบริสุทธิ์และให้ความรู้สึกผ่อนคลาย เบาสบายและสบายตา แต่โดยทั่วไปแล้วมักจะใช้เป็นสีพื้นหรือสีรองเพื่อให้เว็บไซต์ดูไม่อึดอัดเกินไป สีขาวไม่ค่อยได้รับเลือกให้เป็นสีหลักในการทำเว็บไซต์ เนื่องจากต้องระมัดระวังในการใช้อย่างมาก
หากใช้สีขาวมากเกินไปอาจทำให้รู้สึกปวดตาหรือทำให้เว็บไซต์ดูขาดความน่าสนใจ และถ้าเลือกเฉดสีขาวไม่เหมาะสมกับสีอื่น อาจทำให้เว็บไซต์ดูไม่เป็นธรรมชาติ
หากคุณชอบสีขาวและต้องการใช้สีนี้ให้มากขึ้น Wizdom ซึ่งมีประสบการณ์ในการออกแบบเว็บไซต์จะแนะนำให้เลือกสีขาวในเฉดอื่น เช่น สีขาวงาช้างหรือสีขาวนวล ซึ่งจะช่วยสร้างความรู้สึกสะอาดตา อบอุ่น และผ่อนคลายยิ่งขึ้น

ประเภทธุรกิจที่เหมาะกับสีขาว

สีขาวไม่นิยมใช้เป็นสีหลัก แต่มักถูกใช้เป็นสีพื้นหรือสีรองมากกว่า ใช้ได้กับทุกประเภทธุรกิจเพื่อไม่ให้เว็บไซต์ดูอึดอัดเกินไป สีขาวจะเป็นเหมือนจุดพักสายตา

ตัวอย่างแบรนด์ธุรกิจที่ใช้สีขาว

google
Google เป็นหนึ่งในเว็บไซต์ที่มีพื้นที่สีขาวเยอะมาก แต่จะเห็นว่าสีขาวที่ Google ใช้นั้นจะใช้เป็นสีพื้น เพื่อขับเน้นโลโก้ Google ที่มีหลากสีให้เด่นขึ้นมา ผสานกับการออกแบบ UI (User Interface) หรือ รูปแบบของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน ทำให้เว็บไซต์ Google เป็นเว็บไซต์ที่เรียบง่าย สบายตา แต่ไม่ดูหยาบ
สีเขียว (Green)
green
สีเขียวเป็นสีของธรรมชาติ ความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม, การเติบโต, จริยธรรม, ผ่อนคลาย เป็นสีที่ช่วยกระตุ้นความรู้สึกในเชิงบวกให้กับผู้มองเห็น

ประเภทธุรกิจที่เหมาะกับสีเขียว

ธุรกิจด้านวิทยาศาสตร์, องค์การเภสัชกรรม, เครื่องสำอาง, ธุรกิจด้านสิ่งแวดล้อม, การท่องเที่ยว, งานบริหารบุคคล, การเงิน, ธุรกิจที่อยากแสดงถึงความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ธรรมชาติ และความผ่อนคลาย เป็นต้น

ตัวอย่างแบรนด์ธุรกิจที่ใช้สีเขียว

green-website
สีแดง (Red) หรือสีชมพู (Pink)
red
สีแดงและสีชมพูมีความหมายที่คล้ายกัน คือเกี่ยวข้องกับความรัก, ความหลงใหล และอารมณ์ที่รุนแรง แต่มีความแตกต่างกันเล็กน้อย สีชมพูจะให้ความรู้สึกนุ่มนวลและอ่อนโยน คล้ายกับดอกไม้และมีการสื่อถึงความบอบบางและเพศหญิง จึงเป็นสีที่นิยมใช้มากกว่าสีแดง
ส่วนสีแดงนั้นมักใช้เพื่อเน้นย้ำบางอย่างที่สำคัญ เช่น ปุ่มกดหรือการประกาศ เพื่อดึงดูดความสนใจและกระตุ้นให้ผู้ใช้ตัดสินใจเร็วขึ้น โดยไม่ค่อยนิยมนำมาใช้เป็นสีหลักของเว็บไซต์ เพราะอาจทำให้เว็บไซต์ดูรุนแรงเกินไป

ประเภทธุรกิจที่เหมาะกับสีแดงหรือสีชมพูุ

ธุรกิจด้านแฟชั่น, การแต่งหน้า, คลินิกเสริมความงาม, เครื่องสำอาง, ธุรกิจด้านอาหาร, วีดิโอเกม, วีดิโอสตรีมมิง, ยานยนต์, ธุรกิจค้าปลีก, ธุรกิจที่ต้องการดึงดูดกลุ่มลูกค้าผู้หญิงและเด็ก, ธุรกิจเกี่ยวกับความรัก เป็นต้น

ตัวอย่างแบรนด์ธุรกิจที่ใช้สีแดงหรือสีชมพู : Reverie Clinic

reverieclinic
สีม่วง (Purple)
purple
สีม่วงเป็นสีที่สื่อถึงความหรูหรา สง่างาม และลึกลับ มักให้ความรู้สึกน่าดึงดูดและแสดงถึงความคิดสร้างสรรค์และภูมิปัญญา สีม่วงยังมีการสื่อถึงความหลากหลายทางเพศ แต่เป็นสีที่มักดึงดูดผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย โดยเฉพาะในบางเฉดสีที่ให้ความรู้สึกอ่อนหวานคล้ายกับสีชมพู แบรนด์บางแห่งจึงเลือกใช้สีม่วงแทนสีชมพูเพื่อสร้างความโดดเด่น แต่ก็ต้องเลือกเฉดสีม่วงให้เหมาะสมเพื่อให้สอดคล้องกับบุคลิกของแบรนด์

ประเภทธุรกิจที่เหมาะกับสีม่วง

ธุรกิจด้านแฟชั่น, การแต่งหน้า, คลินิกเสริมความงาม, เครื่องสำอาง, สำนักพิมพ์, ธุรกิจด้านอาหาร, วีดิโอเกม, วีดิโอสตรีมมิง, ยานยนต์, ธุรกิจค้าปลีก ธุรกิจที่ต้องการดึงดูดกลุ่มลูกค้าผู้หญิงและ LGBTQ+, ธุรกิจเกี่ยวกับความรัก เป็นต้น

ตัวอย่างแบรนด์ธุรกิจที่ใช้สีม่วง

blackfantasy
สีดำ (Black)
black
สีดำเป็นสีที่นิยมใช้ในเว็บไซต์และการออกแบบโลโก้ เพราะให้ความรู้สึกทางการและมักถูกเลือกใช้เพื่อขับให้โลโก้เด่นขึ้น สีดำมีความหมายหลากหลาย เช่น ความมืด, ทะมึน, ลึกลับ และเป็นตัวแทนของความเป็นส่วนตัว หรือความลับ ในบางกรณี เช่น เมื่อใช้ในดาร์กโหมด (Dark Mode) มันสามารถให้ความรู้สึกเหมือนหลุดไปในอีกโลกหนึ่งได้ อย่างไรก็ตาม การใช้สีดำต้องระมัดระวัง เพราะถ้าใช้มากเกินไปอาจทำให้เว็บไซต์ขาดสมดุลและดูหนักเกินไป

ประเภทธุรกิจที่เหมาะกับสีดำ

ธุรกิจเกี่ยวกับการก่อสร้าง, โรงงานผลิตเสื้อผ้า, การเงิน, เครื่องสำอาง, การตลาด, เทคโนโลยี, ธุรกิจที่อยากให้ลูกค้ารู้สึกถึงความลึกลับ เงียบ เวลากลางคืน ความเป็นส่วนตัว เป็นต้น

ตัวอย่างแบรนด์ธุรกิจที่ใช้สีดำ

netflix
สีน้ำตาล (Brown)
brown
สีน้ำตาลเป็นสีที่สื่อถึงความเก่าแก่, ภูมิปัญญา และความอบอุ่นจากธรรมชาติ (Earth Tone) ให้ความรู้สึกปลอดภัยและน่าเชื่อถือ แม้จะไม่ค่อยเห็นใช้บ่อยในเว็บไซต์ แต่หากใช้เฉดสีที่เหมาะสมและผสมผสานกับการออกแบบ UI อย่างลงตัว ก็สามารถสร้างบรรยากาศที่ดีได้ อย่างไรก็ตาม หากเลือกใช้ไม่เหมาะสม สีน้ำตาลอาจทำให้เว็บไซต์ดูเศร้า หดหู่ หรือรู้สึกโดดเดี่ยวได้ ดังนั้นการเลือกเฉดและการใช้สีน้ำตาลต้องมีความระมัดระวังเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในการออกแบบเว็บไซต์

ประเภทธุรกิจที่เหมาะกับสีน้ำตาล

ธุรกิจเกี่ยวกับของเก่า สิ่งโบราณ, เครื่องสำอาง, ธุรกิจที่อยากสื่อถึงความลึกลับ ภูมิปัญญาโบราณจากธรรมชาติ, ธุรกิจที่อยากเน้นสี Earth Tone เพื่อความเรียบง่ายสบายตา เป็นต้น

ตัวอย่างแบรนด์ธุรกิจที่ใช้สีน้ำตาล : Tales Reader

talesreader
Tales Reader เป็นแบรนด์ที่เกี่ยวข้องกับตำนาน เรื่องปรัมปราและแฟนตาซี ซึ่งกลุ่มลูกค้าของแบรนด์สามารถอ่านได้ทุกเพศทุกวัย สำหรับการออกแบบเว็บไซต์ Wizdom เลือกใช้สีน้ำตาลเป็นสีหลัก เพื่อสื่อถึงภูมิปัญญาโบราณและความมั่นคงที่สืบทอดมาจากตำนาน อีกทั้งยังเชื่อมโยงกับพลังงานลึกลับของธรรมชาติที่แบรนด์ต้องการสะท้อนออกมา
แม้ว่าสีน้ำตาลจะไม่ค่อยถูกใช้ในเว็บไซต์ทั่วไป แต่ด้วยประสบการณ์และความเข้าใจในการออกแบบเว็บไซต์ของ Wizdom เรามั่นใจว่าไม่มีสีไหนที่จะเหมาะสมกับบุคลิกของ Tales Reader มากไปกว่าสีน้ำตาลนี้อีกแล้ว

วิธีเลือกสีให้เหมาะกับเว็บไซต์

หลังจากรู้แล้วว่าแต่ละสีนั้นเชื่อมโยงกับความรู้สึกของผู้มองเห็นได้อย่างไร ให้ความรู้สึกในแง่ไหน สิ่งต่อมาก็คือ ต้องรู้ว่าอยากให้แบรนด์มีบุคลิกแบบไหน ถ่ายทอดภาพลักษณ์แบบใดออกมา ดึงดูดกลุ่มลูกค้าประเภทไหน วัยใด ผู้ชาย ผู้หญิง หรือทุกเพศ เมื่อมีข้อมูลในส่วนนี้แล้วก็ต้องนำมาวิเคราะห์ร่วมกับทฤษฎีสีและความหมายของสีที่พูดถึงกันไปข้างต้น
ยกตัวอย่าง : สมมติคุณต้องการเปิดร้านคาเฟ่ในสวนดอกไม้ โดยเน้นไปที่กลุ่มลูกค้าแบบทุกเพศทุกวัย ก็อาจเลือกใช้โลโก้สีดำที่ค่อนข้างเรียบง่าย หรือใช้โลโก้สีน้ำตาลเพื่อสื่อถึงความอบอุ่นท่ามกลางธรรมชาติ แล้วเลือกใช้สีขาวหรือสีเขียวเป็นสีรองเพื่อสื่อถึงความเป็นมิตร เป็นต้น
ทั้งนี้ ต้องคำนึงถึงเฉดสีและความเข้ากันได้ของสีหลักกับสีรองด้วย ซึ่งโดยปกติแล้วจะแบ่งสัดส่วนของสีเป็น 60-30-10 ได้แก่
  • สีหลัก : 60% (เน้นให้เด่น)
  • สีรอง : 30% (เน้นสนับสนุน)
  • สีที่อยากเน้นเพิ่มเติม : 10%
color theory
หากเข้าใจกฎการเลือกสีได้ตามนี้แล้ว อาจช่วยให้คุณวิเคราะห์บุคลิกของแบรนด์และเลือกสีที่เหมาะสมกับแบรนด์เบื้องต้นได้ซึ่งโดยปกติแล้วจะแบ่งสัดส่วนของสีเป็น 60-30-10
หากคุณอยากทราบว่า เว็บไซต์สำคัญอย่างไร? สามารถเข้าไปอ่านรายละเอียดในบทความนี้ได้เลย

บทสรุป

ทฤษฎีสีในการทำเว็บไซต์ มีบทบาทสำคัญในด้านการตลาดและการสร้างแบรนด์ (Branding) เพราะสีสามารถส่งผลต่อความรู้สึกของผู้มองเห็นได้โดยตรง และยังช่วยสะท้อนบุคลิกของแบรนด์ออกมาอย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม การออกแบบเว็บไซต์หรือการสร้างเว็บไซต์ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการเลือกสีเพียงอย่างเดียว แต่ยังต้องพิจารณาการออกแบบระบบ UI ของเว็บไซต์ให้ดีควบคู่กันไป เพื่อให้เว็บไซต์มีความสวยงาม สมดุล และสามารถสื่อสารภาพลักษณ์ของแบรนด์ได้อย่างชัดเจนและมีประสิทธิภาพ ใครที่กำลังอยากมีเว็บไซต์เป็นของตัวเองแต่ยังไม่รู้จะทำยังไงดี ก็สามารถทักเข้ามาปรึกษา Wizdom บริษัทรับทำเว็บไซต์ก่อนได้เลย!

ปรึกษา Wizdom

สอบถามเพิ่มเติม : hello@wizdom.co.th
โทรติดต่อ : 062-353-5197
ปรึกษา Wizdom

Similar Posts