ภาษา HTML คืออะไร มาทำความเข้าใจกับแบบรวบรัด ฉบับย่อ

ภาษา HTML คืออะไร มาทำความเข้าใจกับแบบรวบรัด ฉบับย่อ
ในโลกของการพัฒนาเว็บไซต์ ภาษา HTML คือภาษาหลักที่ใช้ในการสร้างโครงสร้างของเว็บไซต์ ซึ่งเป็นสิ่งแรกที่นักพัฒนาต้องเรียนรู้เพื่อให้เว็บไซต์สามารถแสดงผลได้ถูกต้องในเว็บบราวเซอร์ ไม่ว่าจะเป็นการจัดระเบียบเนื้อหาบนหน้าเว็บ การเพิ่มลิงก์ หรือแม้แต่การแทรกรูปภาพ ทั้งหมดนี้ล้วนต้องใช้ HTML วันนี้ Wizdom ได้รวบรวมภาษา HTML ฉบับย่อมาแชร์ให้ทุกคนแล้ว!

ภาษา HTML ฉบับย่อ คืออะไร?

HTML ย่อมาจาก HyperText Markup Language คือ ภาษาพื้นฐานที่ใช้ในการสร้างโครงสร้างของเว็บไซต์ โดยใช้ แท็ก (Tags) เพื่อกำหนดลักษณะของเนื้อหาและรูปแบบของข้อมูลบนเว็บไซต์ เช่น ข้อความ, รูปภาพ, ลิงก์ หรือแม้กระทั่งการจัดรูปแบบของเนื้อหาบนเว็บไซต์ ทุกอย่างที่คุณเห็นในหน้าเว็บจะถูกสร้างขึ้นด้วย HTML เป็นส่วนสำคัญในการทำให้เว็บไซต์แสดงผลได้ในเว็บบราวเซอร์ เช่น Google Chrome, Mozilla Firefox หรือ Safari

HTML ย่อมาจากอะไร?

  • H = Hyper หมายถึง ข้อความที่สามารถเชื่อมโยงกันได้ (Hypertext) ผ่านลิงก์
  • T = Text หมายถึง ข้อความ
  • ML = Markup Language หมายถึง ภาษาในการจัดระเบียบหรือการทำเครื่องหมายเพื่อกำหนดโครงสร้างของข้อมูล
HTMLมีความสำคัญอย่างไรต่อเว็บไซต์ที่ทำ SEO

HTML มีความสำคัญอย่างไรต่อเว็บไซต์ที่ทำ SEO

HTML หรือ HyperText Markup Language เป็นภาษาพื้นฐานในการสร้างโครงสร้างของเว็บไซต์ ซึ่งช่วยให้เว็บไซต์แสดงผลข้อมูลได้ถูกต้องและเหมาะสมในเว็บบราวเซอร์ การใช้งาน HTML มีผลต่อ SEO ดังนี้

1. โครงสร้างเว็บไซต์ที่ดี

การใช้แท็กอย่าง <h1>, <p>, <a> ช่วยจัดระเบียบเนื้อหาในเว็บไซต์ ทำให้เครื่องมือค้นหาเข้าใจว่าเนื้อหาส่วนใดสำคัญและควรได้รับการจัดอันดับสูง

2. การใช้ Meta Tags

Meta Description และ Meta Keywords ช่วยอธิบายเนื้อหาของหน้าเว็บให้กับเครื่องมือค้นหาและช่วยปรับปรุง SEO โดยทำให้เครื่องมือค้นหาทราบว่าเว็บไซต์เกี่ยวข้องกับคำค้นหาใด

3. การใช้ Heading Tags

การใช้ <h1> สำหรับหัวข้อหลักและ <h2> สำหรับหัวข้อรองช่วยให้ Google เข้าใจลำดับความสำคัญของเนื้อหาบนเว็บไซต์ ทำให้เครื่องมือค้นหาจัดอันดับได้ถูกต้อง

4. การใช้ Alt Text สำหรับรูปภาพ

การใส่คำอธิบายภาพใน Alt Text ช่วยให้ Google เข้าใจเนื้อหาของรูปภาพและส่งผลดีต่อ SEO โดยการช่วยให้ภาพของคุณแสดงผลในการค้นหารูปภาพของ Google ได้

5. ลิงก์ภายใน (Internal Links)

การใช้ Internal Links ช่วยเชื่อมโยงหน้าเว็บต่าง ๆ ภายในเว็บไซต์ ช่วยให้การกระจาย SEO value ไปทั่วทั้งเว็บไซต์และช่วย Google เข้าใจโครงสร้างเว็บไซต์

6. การรองรับมือถือ (Mobile-Friendly)

HTML ช่วยทำให้เว็บไซต์สามารถแสดงผลได้ดีบนอุปกรณ์มือถือ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ Google ใช้ในการจัดอันดับเว็บไซต์ในปัจจุบัน

7. การเพิ่มความเร็วในการโหลดเว็บไซต์

การใช้โครงสร้าง HTML ที่สะอาดและมีโค้ดที่ไม่ซับซ้อนจะช่วยให้เว็บไซต์โหลดได้เร็วขึ้น ซึ่ง Google ให้ความสำคัญกับเว็บไซต์ที่โหลดเร็วในการจัดอันดับ

ฟีเจอร์หลักของ HTML

HTML มีฟีเจอร์หลักที่ช่วยในการสร้างโครงสร้างและจัดระเบียบเนื้อหาบนเว็บไซต์ ซึ่งช่วยให้เว็บไซต์แสดงผลได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ
  • แท็ก (Tags): แท็กต่าง ๆ เช่น <h1>, <p>, <img> ใช้เพื่อบอกให้เว็บบราวเซอร์เข้าใจว่าเนื้อหานั้นควรแสดงผลอย่างไร เช่น หัวข้อหลัก <h1>, ย่อหน้า <p>, หรือรูปภาพ <img>
  • ลิงก์ (Links): ใช้แท็ก <a> เพื่อสร้างลิงก์ที่เชื่อมโยงไปยังหน้าอื่น ๆ หรือเว็บไซต์ภายนอก ซึ่งทำให้ผู้ใช้งานสามารถนำทางได้ง่าย
  • รูปภาพ (Images): การแทรกรูปภาพในหน้าเว็บด้วยแท็ก <img> ซึ่งใช้ในการเพิ่มรูปภาพให้กับเว็บไซต์
  • ฟอร์ม (Forms): การใช้แท็ก <form> เพื่อรับข้อมูลจากผู้ใช้งาน เช่น การกรอกข้อมูลในฟอร์มการสมัครสมาชิก หรือการติดต่อ
  • ตาราง (Tables): การสร้างตารางด้วยแท็ก <table>, <tr>, <td> เพื่อแสดงข้อมูลในรูปแบบของตาราง เช่น รายการสินค้า หรือข้อมูลสถิติ
โครงสร้างหลักของภาษาHTML

โครงสร้างหลักของภาษา HTML

การสร้างเว็บไซต์ด้วย HTML จะประกอบด้วยสองส่วนหลักที่มีความสำคัญมากในการจัดการเนื้อหาของเว็บไซต์ นั่นคือ ส่วน Head และ ส่วน Body ซึ่งมีบทบาทต่างกันในการกำหนดข้อมูลและเนื้อหาของหน้าเว็บ

1. ส่วน Head  รายละเอียดคำสั่งในส่วนหัว

Head เป็นส่วนที่เก็บข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับหน้าเว็บไซต์ แต่จะไม่แสดงผลตรง ๆ บนหน้าเว็บ มักจะใช้สำหรับการกำหนดข้อมูลสำคัญ เช่น
  • Title: ชื่อเรื่องของหน้าเว็บที่จะแสดงในแถบเบราวเซอร์
  • Meta Tags: ข้อมูลที่ช่วยในการปรับแต่ง SEO, เช่น คำอธิบายของหน้าเว็บ (Meta Description) หรือคำค้นหาที่เกี่ยวข้อง
  • การเชื่อมโยงกับไฟล์ CSS: ใช้แท็ก <link> เพื่อเชื่อมโยงไฟล์ CSS สำหรับการตกแต่งหน้าตาเว็บไซต์
  • การเชื่อมโยงกับไฟล์ JavaScript: ใช้แท็ก <script> เพื่อเชื่อมโยงไฟล์ JavaScript ที่ใช้เพิ่มฟังก์ชันหรือการโต้ตอบในเว็บไซต์

ตัวอย่างโค้ดในส่วน Head

ตัวอย่างโค้ดในส่วน Head

2. ส่วน Body การนำเสนอในส่วนเนื้อหา

Body เป็นส่วนที่สำคัญที่สุดของหน้าเว็บไซต์ เพราะมันเก็บ เนื้อหาทั้งหมด ที่จะแสดงผลบนหน้าเว็บ เช่น
  • ข้อความ: ข้อความที่แสดงในหน้าเว็บไซต์จะใช้แท็กต่าง ๆ เช่น <h1>, <h2>, <p> และอื่น ๆ เพื่อจัดระเบียบและแสดงข้อความตามความสำคัญ
  • รูปภาพ: การแทรกรูปภาพในหน้าเว็บจะใช้แท็ก <img> เพื่อแสดงภาพที่ต้องการ
  • วิดีโอ: การแทรกวิดีโอในหน้าเว็บจะใช้แท็ก <video> ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถดูวิดีโอได้โดยตรงบนเว็บไซต์
  • ลิงก์: การเชื่อมโยงไปยังหน้าอื่นหรือเว็บไซต์อื่น ๆ จะใช้แท็ก <a> เพื่อสร้างลิงก์
  • ฟอร์ม: การรับข้อมูลจากผู้ใช้จะใช้แท็ก <form> เพื่อสร้างฟอร์มสำหรับการกรอกข้อมูล เช่น ฟอร์มสมัครสมาชิก หรือการติดต่อ

ตัวอย่างโค้ดในส่วน Body

ตัวอย่างโค้ดในส่วน Body

HTML Tags ที่ได้รับความนิยมและใช้งานบ่อย ๆ

ในการพัฒนาเว็บไซต์ด้วย HTML นั้นมีหลายประเภทของ HTML Tags ที่ใช้เพื่อจัดระเบียบและแสดงผลข้อมูลบนเว็บไซต์ ต่อไปนี้คือ HTML Tags ที่ได้รับความนิยมและใช้งานบ่อย ๆ พร้อมคำอธิบายการใช้งานในแต่ละประเภท

1. Tags สำหรับโครงสร้างหลัก

  • <html>: ใช้ในการเริ่มต้นเอกสาร HTML ทุกครั้ง ซึ่งบ่งบอกว่าเอกสารนี้เป็นเอกสาร HTML
  • <head>: ใช้สำหรับเก็บข้อมูลที่ไม่แสดงผลในหน้าเว็บไซต์ เช่น Title, Meta Tags, และการเชื่อมโยงกับไฟล์ CSS
  • <body>: เก็บเนื้อหาหลักที่จะแสดงผลบนหน้าเว็บไซต์ เช่น ข้อความ รูปภาพ และลิงก์ต่าง ๆ ที่ผู้ใช้จะเห็น
  • <meta>: ใช้ในการกำหนดข้อมูลต่าง ๆ เช่น การเข้ารหัสหน้าเว็บ (Charset) หรือคำอธิบายของหน้าเว็บ (Meta Description), และการตั้งค่าต่าง ๆ สำหรับการทำ SEO
  • ตัวอย่าง
Tags สำหรับโครงสร้างหลัก

2. Tags สำหรับหัวข้อและข้อความ (เนื้อหา)

  • <h1> – <h6>: ใช้ในการกำหนดหัวข้อในหน้าเว็บไซต์ โดย <h1> เป็นหัวข้อหลักที่สุด และ <h6> เป็นหัวข้อย่อยสุด
  • <p>: ใช้ในการสร้างย่อหน้า (Paragraph) สำหรับแสดงข้อความ
  • <br>: ใช้เพื่อสร้างการขึ้นบรรทัดใหม่ (Line break) ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นส่วนหนึ่งของย่อหน้า
  • <strong>: ใช้ทำให้ข้อความเป็นตัวหนา (Bold) เพื่อเน้นข้อความที่สำคัญ
  • <em>: ใช้ทำให้ข้อความเป็นตัวเอียง (Italic) เพื่อเน้นคำหรือข้อความในเชิงความหมาย
  • ตัวอย่าง
Tags สำหรับหัวข้อและข้อความ (เนื้อหา)

3. Tags สำหรับลิงก์และรูปภาพ

  • <a>: ใช้ในการสร้างลิงก์ (Hyperlink) ที่เชื่อมโยงไปยังหน้าเว็บอื่นหรือเว็บไซต์ภายนอก
  • <img>: ใช้สำหรับแทรกรูปภาพในหน้าเว็บไซต์ โดยสามารถกำหนดแหล่งที่มาของภาพด้วยแอตทริบิวต์ src และคำอธิบายภาพด้วย alt
  • <figcaption>: ใช้ในการใส่คำอธิบายให้กับรูปภาพที่ถูกแทรกด้วยแท็ก <figure>
  • ตัวอย่าง
Tags สำหรับลิงก์และรูปภาพ

4. Tags สำหรับจัดรูปแบบเนื้อหา

  • <div>: ใช้ในการจัดกลุ่มเนื้อหาหรือองค์ประกอบต่าง ๆ ในหน้าเว็บไซต์ เพื่อให้สามารถจัดระเบียบหรือจัดกลุ่มข้อมูลได้ง่ายขึ้น
  • <span>:ใช้จัดกลุ่มข้อความเล็ก ๆ โดยไม่ทำให้เกิดบล็อกใหม่ มักใช้สำหรับการจัดรูปแบบข้อความในบรรทัดเดียว
  • <ul>, <ol>, <li>: ใช้ในการสร้างรายการที่มีการจัดระเบียบ เช่น รายการแบบไม่เรียงลำดับ (Unordered List) และรายการที่เรียงลำดับ (Ordered List)
  • <table>, <tr>, <td>, <th>: ใช้ในการสร้างตาราง  โดยมีองค์ประกอบหลัก ๆ ดังนี้
  • <table> ใช้สำหรับสร้างตาราง
  • <tr> ใช้สำหรับแถว (Row)
  • <td> ใช้สำหรับเซลล์ของข้อมูลในแถว
  • <th> ใช้สำหรับหัวข้อของตารางหรือคอลัมน์
  • ตัวอย่าง
Tags สำหรับจัดรูปแบบเนื้อหา

5. Tags สำหรับ SEO และ Meta Data

  • <meta>: ใช้สำหรับให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับหน้าเว็บ เช่น การตั้งค่าการเข้ารหัส (Charset), คำอธิบาย (Description), คำค้นหา (Keywords) ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะช่วยในการปรับปรุง SEO ของเว็บไซต์
  • <title>: ใช้ตั้งชื่อเรื่องของหน้าเว็บที่จะแสดงในแถบของเบราวเซอร์ และเป็นข้อมูลสำคัญในการทำ SEO เพราะ Google ใช้ชื่อเรื่องเป็นส่วนหนึ่งในการจัดอันดับ
  • <link>: ใช้ในการเชื่อมโยงกับไฟล์ภายนอก เช่น การเชื่อมโยงกับไฟล์ CSS หรือ Favicon ที่แสดงในแถบของเบราวเซอร์
  • ตัวอย่าง
Tags สำหรับ SEO และ Meta Data

6. Tags สำหรับฟอร์ม

  • <form>: ใช้ในการสร้างฟอร์มเพื่อรับข้อมูลจากผู้ใช้ โดยมีแอตทริบิวต์ Action และ Method ที่ใช้กำหนดเส้นทางที่ข้อมูลจะถูกส่งและวิธีการส่งข้อมูล
  • <input>: ใช้สร้างช่องกรอกข้อมูลในฟอร์ม ซึ่งสามารถใช้สำหรับกรอกข้อมูลประเภทต่าง ๆ เช่น ชื่อ, อีเมล, รหัสผ่าน หรือเลือกตัวเลือกจากกลุ่ม
  • <textarea>: ใช้สร้างช่องกรอกข้อความหลายบรรทัดที่ผู้ใช้สามารถพิมพ์ข้อความยาว ๆ หรือความคิดเห็น
  • <select>, <option>: ใช้สร้างรายการแบบเลือกได้ (Dropdown menu) ที่ผู้ใช้สามารถเลือกตัวเลือกจากรายการที่กำหนด
  • <button>: ใช้สร้างปุ่มสำหรับส่งข้อมูลหรือกระทำการต่าง ๆ เช่น การส่งฟอร์มหรือการยืนยันคำสั่ง
  • ตัวอย่าง
Tags สำหรับฟอร์ม
คำศัพท์ที่เดี่ยวข้องกับHTML

เเนะนำคำศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับ HTML

การเข้าใจคำศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับ HTML จะช่วยให้คุณมีความเข้าใจในการพัฒนาเว็บไซต์มากขึ้น ต่อไปนี้คือคำศัพท์ที่สำคัญและเกี่ยวข้องกับ HTML และการพัฒนาเว็บไซต์
  • Web Page – หน้าเอกสารหนึ่งในเว็บไซต์ที่แสดงผลบนเว็บเบราวเซอร์
  • Website – กลุ่มของหน้าเว็บหลาย ๆ หน้า ซึ่งเชื่อมโยงกันภายใต้โดเมนเดียวกัน
  • Home Page – หน้าแรกของเว็บไซต์ที่ผู้ใช้งานจะเห็นเมื่อเข้าสู่เว็บไซต์
  • Web Server – เครื่องที่ให้บริการในการเก็บข้อมูลเว็บไซต์และให้ผู้ใช้งานเข้าถึงเว็บไซต์ผ่านอินเทอร์เน็ต
  • Domain Name – ชื่อที่ใช้ในการเข้าถึงเว็บไซต์ เช่น www.example.com
  • URL (Uniform Resource Locator) – ที่อยู่ที่ใช้ในการเข้าถึงข้อมูลในเว็บไซต์หรือเว็บเพจ
  • Internet – เครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่เชื่อมโยงกันผ่านเทคโนโลยีต่าง ๆ
  • HTTP/HTTPS – HTTP คือโปรโตคอลพื้นฐานในการรับส่งข้อมูลเว็บไซต์, HTTPS คือโปรโตคอลที่ใช้การเข้ารหัสข้อมูลเพื่อความปลอดภัย
  • HTML (HyperText Markup Language) – ภาษาที่ใช้ในการสร้างโครงสร้างของเว็บไซต์
  • CSS (Cascading Style Sheets) – ภาษาที่ใช้จัดการรูปแบบการแสดงผลของเว็บไซต์ เช่น สี, ขนาดตัวอักษร ฯลฯ
  • JavaScript – ภาษาโปรแกรมมิ่งที่ใช้ในการเพิ่มฟังก์ชันการโต้ตอบในเว็บไซต์
  • Responsive Design – การออกแบบเว็บไซต์ให้สามารถแสดงผลได้ดีบนทุกอุปกรณ์ เช่น มือถือ, แท็บเล็ต หรือเดสก์ท็อป
  • SEO (Search Engine Optimization) – การปรับแต่งเว็บไซต์ให้ติดอันดับสูงในผลการค้นหาของเครื่องมือค้นหา
  • Meta Tags – แท็กที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับหน้าเว็บแก่เสิร์ชเอนจิน เช่น Meta Description, Meta Keywords
  • Sitemap – แผนผังเว็บไซต์ที่แสดงการเชื่อมโยงระหว่างหน้าต่าง ๆ ของเว็บไซต์ ช่วยให้การเข้าถึงข้อมูลได้ง่ายขึ้น
  • CMS (Content Management System) – ระบบจัดการเนื้อหาเว็บไซต์ เช่น WordPress, Joomla
  • Form – ฟอร์มที่ใช้รับข้อมูลจากผู้ใช้ เช่น ช่องกรอกข้อมูลและปุ่มส่งข้อมูล
  • Cache – หน่วยความจำชั่วคราวที่เก็บข้อมูลเว็บไซต์เพื่อให้การโหลดหน้าเว็บเร็วขึ้น
  • Hypertext – รูปแบบเอกสารที่บรรจุการเชื่อมโยงไปยังเอกสารอื่น ๆ ด้วยข้อความหรือรูปภาพ
  • WWW (World Wide Web) – เครือข่ายของเอกสารไฮเปอร์เท็กซ์ที่สามารถเข้าถึงได้ผ่านอินเทอร์เน็ต
  • Link – ลิงก์ที่ใช้เชื่อมโยงไปยังหน้าเว็บหรือแหล่งข้อมูลอื่น ๆ
  • Browser – โปรแกรมที่ใช้ในการเปิดดูเว็บไซต์ เช่น Google Chrome, Mozilla Firefox หรือ Safari
  • Web Hosting – พื้นที่เก็บไฟล์เว็บไซต์บนเซิร์ฟเวอร์เพื่อให้สามารถเข้าถึงได้ผ่านอินเทอร์เน็ต

บทสรุป

ภาษา HTML ฉบับย่อ คือภาษาพื้นฐานที่ใช้ในการพัฒนาเว็บไซต์ เพื่อให้เนื้อหาของเว็บแสดงผลอย่างถูกต้องในเบราว์เซอร์ โดยใช้ HTML Tags ที่ถูกต้องช่วยจัดระเบียบข้อมูลและทำให้เครื่องมือค้นหาสามารถเข้าใจโครงสร้างเว็บไซต์ได้ดีขึ้น การใช้ HTML อย่างมีประสิทธิภาพไม่เพียงแค่ทำให้เว็บไซต์ดูดีในเบราว์เซอร์ แต่ยังช่วยในเรื่อง SEO ด้วย เช่น การใช้ Heading Tags, Meta Tags และการทำให้เว็บไซต์รองรับการใช้งานบนมือถือ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการจัดอันดับเว็บไซต์ใน Google หากคุณอยากปรับปรุง SEO หรือพัฒนาเว็บไซต์ที่มีคุณภาพ ติดต่อ Wizdom บริษัทรับทำเว็บไซต์ ได้เลย เราพร้อมช่วยธุรกิจของคุณเติบโตและประสบความสำเร็จ

ปรึกษา Wizdom

สอบถามเพิ่มเติม : hello@wizdom.co.th
โทรติดต่อ : 062-353-5197
ปรึกษา Wizdom

Similar Posts