Up-sell & Cross-sell เทคนิคเพิ่มยอดขายแบบมือโปร

UP-SELL & CROSS-SELL เทคนิคเพิ่มยอดขายแบบมือโปร
ในโลกธุรกิจที่แข่งขันกันดุเดือด การเน้นหาลูกค้าใหม่อย่างเดียวอาจไม่พอ แต่รู้ไหมว่าขุมทรัพย์ที่แท้จริงอยู่ที่ลูกค้าปัจจุบันของเราเองนั่นแหละ การเปลี่ยนลูกค้าที่ตั้งใจซื้อเพียง 1 ชิ้น ให้ซื้อเพิ่มอีก 1 ชิ้น (Cross-sell) หรือจ่ายเพิ่มเพื่อสิ่งที่ดีกว่า (Up-sell) คือกุญแจสำคัญในการเพิ่มยอดขายและมูลค่าลูกค้า บทความนี้ Wizdom จะพาทุกคนไปเจาะลึก เทคนิค Up-sell & Cross-sell ตั้งแต่พื้นฐาน, เทคนิคใช้จริง และข้อควรระวัง เพื่อให้คุณสามารถต่อยอดกลยุทธ์ Up-sell & Cross-sell เพิ่มกำไรให้ธุรกิจเติบโตแบบมือโปร!
Up-sell & Cross-sell คืออะไร?

Up-sell & Cross-sell คืออะไร?

ก่อนจะไปดูเทคนิคต่าง ๆ เรามาทำความเข้าใจความหมายของสองคำนี้กันก่อน เพราะหลายคนยังสับสนและใช้สลับกันอยู่

Up-sell คืออะไร?

Up-selling คือ เทคนิคการขายโดยการนำเสนอสินค้าหรือบริการที่ดีกว่าหรือพรีเมียมกว่าสิ่งที่ลูกค้ากำลังจะตัดสินใจซื้ออยู่แล้ว โดยชี้ให้เห็นถึงความคุ้มค่าหรือประโยชน์ที่ลูกค้าจะได้รับเพิ่มขึ้น
  • ตัวอย่าง Up-sell ที่เห็นภาพชัดที่สุด เวลาเราไปร้านฟาสต์ฟู้ดแล้วพนักงานถามว่า “จะรับเป็นชุดใหญ่ไหมครับ? เพิ่มเพียง 20 บาท” นั่นแหละครับคือการ Up-sell
  • ตัวอย่างในคลินิก ลูกค้าสนใจคอร์สเลเซอร์รักษารอยสิวแบบพื้นฐาน พนักงานอาจเสนอว่า “เพิ่มงบอีกนิดหน่อย สามารถอัปเกรดเป็นโปรแกรมเลเซอร์ Pico รุ่นใหม่ล่าสุดได้นะคะ ซึ่งจะเห็นผลลัพธ์ที่ไวกว่าและชัดเจนกว่าค่ะ”

Cross-sell คืออะไร?

Cross-selling คือ เทคนิคการขายโดยการนำเสนอสินค้าหรือบริการเสริมหรือที่เกี่ยวข้องกันกับสิ่งที่ลูกค้าได้ตัดสินใจซื้อไปแล้ว เพื่อช่วยให้ลูกค้าได้รับประโยชน์สูงสุดจากการซื้อครั้งนั้น
  • ตัวอย่าง Cross-sell ที่เห็นกันบ่อย เวลาเราซื้อของในเว็บ E-commerce แล้วมีแถบ “สินค้าที่มักจะซื้อคู่กัน” โผล่ขึ้นมา นั่นคือการ Cross-sell 
  • ตัวอย่างในคลินิก หลังจากลูกค้าตัดสินใจซื้อคอร์สรักษาสิวแล้ว พนักงานอาจแนะนำว่า “หลังทำเลเซอร์ ผิวอาจจะแห้งลงเล็กน้อย แนะนำให้ซื้อครีมบำรุงสูตรสำหรับผิวเลเซอร์โดยเฉพาะควบคู่กันไปนะคะ จะช่วยฟื้นฟูผิวได้ดีขึ้นค่ะ”
เทคนิค Up-sell & Cross-sell ที่ใช้ในคลินิกความงาม-01
เทคนิค Up-sell & Cross-sell ที่ใช้ในคลินิกความงาม-02

เทคนิค Up-sell & Cross-sell ที่ใช้ได้จริงในคลินิกความงาม

เมื่อเข้าใจหลักการแล้ว เรามาดูเทคนิค Up-sell & Cross-sell ที่สามารถนำไปปรับใช้เพื่อเพิ่มยอดขายให้กับคลินิกความงามของเราได้ทันทีกันเลย

จัดเซต/แพ็กเกจสุดคุ้ม

เทคนิค Cross-sell สุดคลาสสิกที่ใช้ได้ผลเสมอ! การจัดแพ็กเกจบริการที่เสริมกันในราคาสุดคุ้ม จะช่วยให้ลูกค้ารู้สึกว่าคุ้มกว่า แถมได้ครบกว่า จึงตัดสินใจง่ายขึ้น เช่น แทนที่จะขายแค่โบท็อกซ์ลดกราม ลองปรับเป็น “โปรแกรมหน้าใส V-Shape” ที่รวมทั้งโบท็อกซ์ลดกราม, ฟิลเลอร์คาง และเมโสแฟตเข้าไว้ด้วยกันในราคาพิเศษ
เคล็ดลับคือ ตั้งชื่อแพ็กเกจให้สื่อถึงผลลัพธ์ที่ลูกค้าอยากได้มากกว่าชื่อหัตถการ จะช่วยเพิ่มแรงจูงใจได้เยอะเลยค่ะ!

สร้างตัวเลือกเปรียบเทียบให้ลูกค้าเห็นความต่าง

ใช้หลักการทางจิตวิทยา “Good, Better, Best” โดยเสนอ 3 แพ็กเกจให้ลูกค้าเลือกเสมอแทนที่จะเสนอแค่ตัวเลือกเดียว เช่น โปรแกรมเลเซอร์รักษาสิว อาจแบ่งเป็น
  • โปรแบบ Basic เลเซอร์ 1 ครั้ง
  • โปรแบบ Premium (แนะนำ) เลเซอร์ 1 ครั้ง + ทรีตเมนต์ลดรอยดำ รอยแดง
  • โปรแบบ Platinum เลเซอร์ 1 ครั้ง + ทรีตเมนต์ + ฉายแสง + รับสกินแคร์กลับบ้าน
โดยธรรมชาติแล้ว ลูกค้าส่วนใหญ่มักจะเลือกแพ็กเกจกลาง (Better) เพราะรู้สึกว่าเป็นตัวเลือกที่สมเหตุสมผลและคุ้มค่าที่สุด ทำให้เราสามารถ Up-sell จากแพ็กเกจเริ่มต้นได้สำเร็จนั่นเอง

เสนอโปรแกรมเสริมเล็ก ๆ (Add-on)

ช่วงเวลาที่ลูกค้ากำลังนอนทำทรีตเมนต์หรือมาสก์หน้าคือนาทีทอง เพราะเป็นช่วงที่พวกเขากำลังผ่อนคลายและเปิดรับข้อเสนอได้ง่าย พนักงานสามารถเสนอ Add-on เล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ใช้เวลาไม่นานและราคาไม่สูงเพื่อเป็นการ Cross-sell ได้ เช่น “ระหว่างรอมาสก์เซตตัว รับโปรแกรมฉายแสงลดการอักเสบเพิ่มไหมคะ แค่ 15 นาที ช่วยให้รอยแดงหายไวขึ้นค่ะ เพิ่มเพียง 399 บาท” ความง่ายและราคาที่จับต้องได้ทำให้ลูกค้าตัดสินใจได้ทันที

แนะนำขายคอร์สระยะยาว

เทคนิคนี้คือการให้ความรู้ เน้นย้ำกับลูกค้าเสมอว่าการรักษาที่เห็นผลลัพธ์ยั่งยืนต้องอาศัยความต่อเนื่อง จากนั้นจึงเสนอแพ็กเกจแบบคอร์ส (เช่น 5 หรือ 10 ครั้ง) ที่ให้ราคาเฉลี่ยต่อครั้งที่คุ้มค่ากว่าการจ่ายทีละครั้งอย่างชัดเจน เช่น “จ่ายครั้งละ 2,500 บาท แต่ถ้าซื้อคอร์ส 5 ครั้ง จะเหลือเพียงครั้งละ 2,000 บาท ประหยัดไปทันที 2,500 บาทเลยนะคะ” เทคนิคนี้เป็นการ Up-sell ที่ช่วยล็อคให้ลูกค้ากลับมาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง

ใช้โปรโมชั่นช่วยในการ Cross-sell

สร้างโปรโมชั่นที่มีเงื่อนไขด้านเวลาหรือจำนวนจำกัดเพื่อกระตุ้นการตัดสินใจซื้อบริการเสริม เช่น “พิเศษ! สำหรับลูกค้าที่ซื้อคอร์สเลเซอร์วันนี้ รับสิทธิ์ซื้อครีมกันแดดสูตรสำหรับผิวเลเซอร์โดยเฉพาะในราคาลด 50% (เฉพาะวันนี้เท่านั้น)” การทำเช่นนี้ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าเป็นดีลพิเศษที่หาไม่ได้ง่าย ๆ และตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์ Cross-sell ได้ง่ายขึ้น
ซึ่งนอกจากการใช้โปรโมชั่นกับสินค้าแล้ว อีกหนึ่งกลยุทธ์ที่น่าสนใจคือการทำ Dynamic Pricing หรือการตั้งราคาบริการตามช่วงเวลาที่สามารถนำมาใช้ร่วมกันได้ เช่น การจัดโปรโมชั่น “Happy Hour” มอบส่วนลดพิเศษสำหรับทรีตเมนต์บางรายการในช่วงวันธรรมดาตอนบ่ายที่คลินิกมีคิวน้อย ก็จะช่วยกระตุ้นยอดขายในช่วงเวลาที่ว่างได้เป็นอย่างดี

เลือกช่วงเวลาเสนอขายให้เหมาะสม

จังหวะในการเสนอขายสำคัญมาก ช่วงเวลาที่ดีที่สุดคือตอนที่ลูกค้ากำลังมีอารมณ์เชิงบวกและเชื่อมั่นในบริการของเรา เช่น ตอนที่ลูกค้าเพิ่งทำทรีตเมนต์เสร็จแล้วส่องกระจกและเห็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้น หรือตอนที่ลูกค้าเป็นฝ่ายสอบถามถึงปัญหาอื่น ๆ เพิ่มเติมด้วยตัวเอง การเสนอขายในช่วงเวลานี้จะเป็นการตอบสนองความต้องการของลูกค้าแบบไม่มีการยัดเยียดเลย

ให้ความรู้ ไม่ใช่แค่การขาย

ลองเปลี่ยนบทบาทจากพนักงานขาย เป็นที่ปรึกษาด้านความงามดู แทนที่จะพูดว่า “ซื้อคอร์สนี้สิคะ” ให้เปลี่ยนเป็น “แนะนำให้ทำโปรแกรมนี้ควบคู่กันไปนะคะ” พร้อมอธิบายประโยชน์อย่างละเอียดว่าบริการเสริมนั้นจะช่วยส่งเสริมการรักษาหลักที่ลูกค้าทำอยู่ให้ได้ผลลัพธ์ที่สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นได้อย่างไร การให้ความรู้และความจริงใจจะสร้างความไว้วางใจได้ดีกว่าการขายตรง ๆ

ใช้รีวิวจริงช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือ

คลินิกควรเก็บภาพ Before & After ของเคสที่ใช้หลายบริการร่วมกัน ไว้อย่างเป็นระบบ แล้วนำมาใช้ประกอบการแนะนำกับลูกค้าที่มีปัญหาคล้ายกัน เช่น “มีเคสที่คล้ายกับคุณลูกค้าเลยค่ะ ตอนแรกเขาทำแค่เลเซอร์รักษาสิว แต่พอทำทรีตเมนต์ลดรอยแดงไปด้วย ผลลัพธ์ปังมากเลยค่ะ” พร้อมโชว์ภาพหรือรีวิวจริงประกอบไปด้วย ลูกค้าจะเห็นภาพชัดขึ้นและรู้สึกมั่นใจมากขึ้นว่าผลลัพธ์นั้นเกิดขึ้นได้จริง มันเป็นเทคนิคขายที่ได้ผลดีที่สุดแบบไม่ต้องพยายามมากเลย!

สร้างสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าเก่า

อย่าปล่อยให้ลูกค้าเก่าหายไปเฉย ๆ เพราะคนที่เคยใช้บริการกับเราแล้ว เขามีโอกาสกลับมาใช้ซ้ำสูงมาก แค่รู้จักหยิบข้อมูลเก่ามาใช้ก็กลายเป็นเทคนิค Cross-sell ที่ทรงพลังสุด ๆ ได้เลย เช่น ถ้าลูกค้าเคยมาฉีดโบท็อกซ์ลดริ้วรอยไว้ก่อนหน้านี้ พอมีโปรแกรมฟิลเลอร์งานผิวตัวใหม่เข้ามาก็สามารถโทรหรือส่งข้อความไปแนะนำได้ตรงจุดเลย
เพิ่มความพิเศษอีกนิดด้วยการให้ “สิทธิพิเศษเฉพาะลูกค้าคนสำคัญ” อย่างส่วนลด หรือของแถมเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ช่วยให้ลูกค้ารู้สึกว่าเรายังจำเขาได้ และใส่ใจจริง ๆ แบบนี้ทั้งได้ใจลูกค้าและได้ยอดเพิ่มในเวลาเดียวกันเลย

การติดตามผลหลังการรักษา

การโทรติดตามลูกค้าหลังทำหัตถการประมาณ 1-2 สัปดาห์ เป็นอีกหนึ่งขั้นตอนที่สำคัญมาก ๆ เลย  เพราะนอกจากจะช่วยสร้างความประทับใจและความรู้สึกใส่ใจแล้ว ยังเป็นโอกาสทองสำหรับการ Up-sell และ Cross-sell ได้แบบเป็นธรรมชาติสุด ๆ
หลังจากสอบถามผลลัพธ์หรือความพึงพอใจแล้ว พนักงานสามารถพูดต่ออย่างนุ่มนวล เช่น “ผลลัพธ์เรื่องสิวดีมากเลยค่ะ ไม่ทราบว่าตอนนี้ยังมีรอยสิวที่กังวลอยู่ไหมคะ? พอดีเรามีโปรแกรมดูแลต่อเนื่องที่ช่วยให้รอยจางไวขึ้นด้วยค่ะ” แบบนี้ลูกค้าจะรู้สึกว่าเราใส่ใจจริง ไม่ได้ขายเกินเหตุ และยังเปิดใจฟังคำแนะนำจากคลินิกมากขึ้นด้วย
สิ่งที่ไม่ควรทำในการ Up-sell & Cross-sell

สิ่งที่ไม่ควรทำในการ Up-sell & Cross-sell

การ Up-sell และ Cross-sell เป็นเหมือนดาบสองคม ถ้าทำถูกวิธี ลูกค้าจะรู้สึกดีและยอดขายก็เพิ่มขึ้น แต่ถ้าพลาดนิดเดียวก็อาจทำให้ลูกค้ารู้สึกไม่ประทับใจ หรือไม่กลับมาใช้บริการอีกเลย มาดูข้อที่ควรระวังกัน
  • ไม่กดดันหรือตื๊อจนลูกค้ารู้สึกอึดอัด
    หัวใจสำคัญของการขายในคลินิกคือการเป็นที่ปรึกษาไม่ใช่นักขายอย่างเดียว หน้าที่ของเราคือให้คำแนะนำและเสนอทางเลือกเพิ่มเติมอย่างจริงใจ แต่ถ้าลูกค้าปฏิเสธด้วยเหตุผลใดก็ตาม สิ่งที่ควรทำที่สุดคือยิ้มรับ แล้วให้บริการหลักต่อไป การพยายามพูดหว่านล้อมซ้ำ ๆ หรือแสดงท่าทีผิดหวัง จะทำให้ลูกค้ารู้สึกอึดอัดทันที และอาจไม่กล้ากลับมาใช้บริการเราอีก
  • ไม่เสนอขายบริการที่ไม่เกี่ยวข้องกับปัญหาของลูกค้า
    นี่คือหนึ่งในข้อผิดพลาดที่ทำลายความน่าเชื่อถือมากที่สุด ถ้าลูกค้าเข้ามาปรึกษาเรื่องสิว แต่พนักงานกลับพยายามขายคอร์สกำจัดขน ลูกค้าจะรู้สึกได้ทันทีว่า เราไม่ได้ตั้งใจฟังหรือเข้าใจปัญหาของเขาจริง ๆ แต่สนใจแค่จะปิดการขายเท่านั้น ดังนั้น เวลาจะเสนออะไรเพิ่ม ควรยึดจากปัญหาหลักของลูกค้าเสมอ
  • ไม่เสนอตัวเลือกเยอะเกินไปจนลูกค้าสับสน
    บางครั้งเราอยากให้ลูกค้าเลือกได้เยอะ กลับกลายเป็นทำให้ลูกค้าสับสนได้ เพราะตัวเลือกที่มากเกินไปจนลูกค้างงไปหมด ลองใช้ความเป็นมืออาชีพคัดมาให้ลูกค้าจะดีกว่า เลือกมาเพียง 1-2 ตัวเลือกที่เหมาะที่สุดกับสภาพผิว, ปัญหา และงบประมาณของลูกค้า แล้วอธิบายข้อดีให้เข้าใจง่าย ๆ แบบนี้จะช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจได้เร็วขึ้น และยังรู้สึกว่าคลินิกนี้ใส่ใจมากกว่าการโยนตัวเลือกใส่ให้เลือกเองโดยไม่มีคำแนะนำเลย
  • ไม่ให้ข้อมูลเกินจริง
    ถ้าเราให้ข้อมูลเกินจริง เช่น “รับประกันหาย 100%” หรือ “ทำครั้งเดียวจบเลย” ลูกค้าอาจผิดหวังและเสียความเชื่อใจได้ วิธีที่ดีกว่าคือการพูดตามจริง อธิบายผลลัพธ์ที่เป็นไปได้และข้อจำกัดให้ชัดเจน แค่ความจริงใจนี้แหละที่จะสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้าได้ดีที่สุด

สรุป

เทคนิค Up-sell & Cross-sell ไม่ใช่แค่กลยุทธ์การขายระยะสั้น แต่เป็นหัวใจสำคัญของการตลาดที่ช่วยยกระดับการบริการและเพิ่มยอดขายได้อย่างมืออาชีพ คลินิกสามารถนำกลยุทธ์ต่าง ๆ ไปปรับใช้ได้ทันที ตั้งแต่จัดแพ็กเกจสุดคุ้ม, สร้างตัวเลือกเปรียบเทียบ, เสนอโปรแกรมเสริม ไปจนถึงติดตามผลเพื่อสร้างโอกาสขายอย่างต่อเนื่อง หัวใจสำคัญคือเปลี่ยนจากการพยายามขาย เป็นการแนะนำที่ดีที่สุดให้ลูกค้า สิ่งเหล่านี้จะสร้างยอดขายที่ยั่งยืนได้ ที่ Wizdom เราชำนาญในการวางระบบ Up-sell & Cross-sell ให้เป็นส่วนหนึ่งของการตลาดคลินิกเสริมความงาม ติดต่อเราเพื่อรับคำปรึกษาได้เลยวันนี้ ฟรี!

FAQ

  • Up-sell คือการเสนอขายของที่ดีกว่าในสิ่งเดียวกัน เช่น อัปเกรดเป็นเลเซอร์รุ่นใหม่
  • Cross-sell คือการเสนอขายของชิ้นอื่นที่เกี่ยวข้องกัน เช่น แนะนำครีมบำรุงหลังทำเลเซอร์

ช่วงเวลาที่ดีที่สุดคือตอนที่ลูกค้าเชื่อมั่นและพึงพอใจสูงสุด เช่น ระหว่างการปรึกษาเมื่อลูกค้าบอกปัญหาเพิ่มเติม หรือหลังทำหัตถการแล้วเห็นผลลัพธ์ที่น่าพอใจ

เหมาะกับทุกคลินิก เพราะเป็นหลักการพื้นฐานทางธุรกิจ สิ่งสำคัญคือต้องทำในรูปแบบของการให้คำแนะนำที่จริงใจ ไม่ใช่การยัดเยียดการขาย

Similar Posts