ทำคลินิก จ้างทีม Agency หรือทีม In-house อันไหนดีกว่ากัน?

ทำคลินิกจ้างทีม Agency VS In-house อันไหนดีกว่ากัน?
สำหรับคุณหมอหรือเจ้าของคลินิก การทำการตลาดให้คนรู้จักและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างตรงจุด ถือเป็นสิ่งสำคัญ แต่คำถามที่มักเกิดขึ้นคือ ควรจ้าง Agency หรือ In-house แบบไหนตอบโจทย์มากกว่ากัน?
เพราะการเลือกทางใดทางหนึ่งไม่ใช่แค่เรื่องเล็ก ๆ แต่ยังส่งผลต่อทิศทาง กลยุทธ์ และงบประมาณของคลินิกโดยตรงเลยทีเดียว วันนี้ Wizdom จึงรวบรวมข้อมูลเปรียบเทียบการ จ้าง Agency VS จ้าง In-house มาให้คุณเห็นภาพชัด ๆ เพื่อช่วยตัดสินใจได้ง่ายขึ้นค่ะ
บทบาทของ Marketing Agency สำหรับคลินิก

บทบาทของ Marketing Agency สำหรับคลินิก

Marketing Agency คือบริษัทที่เข้ามาทำหน้าที่เป็น “ทีมการตลาด” ให้กับคลินิกจากภายนอก โดยมาพร้อมทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญหลากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น
  • นักวางกลยุทธ์
  • นักการตลาดออนไลน์
  • คนทำคอนเทนต์
  • กราฟิกดีไซเนอร์
  • ผู้เชี่ยวชาญด้านการยิงโฆษณา
ทีมเหล่านี้จะช่วยกันวางแผนและลงมือทำทุกขั้นตอน เพื่อให้คลินิกบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างการรับรู้ เพิ่มจำนวนคนไข้ใหม่ หรือดูแลฐานคนไข้เดิมให้แข็งแรงต่อเนื่องค่ะ

ข้อดีของการใช้ Marketing Agency

การเลือกใช้เอเจนซี่มีข้อดีหลายอย่าง ที่อาจตรงกับสิ่งที่คลินิกของคุณกำลังมองหาอยู่ค่ะ
  • เข้าถึงทีมผู้เชี่ยวชาญได้ทันที
    ไม่ต้องเสียเวลาและงบประมาณจ้างพนักงานหลายตำแหน่ง เพราะเอเจนซี่มีทีมงานครบ ทั้งสายกลยุทธ์, คอนเทนต์, โฆษณา และดีไซน์ พร้อมดูแลให้ครบวงจร
  • ประสบการณ์และความรู้รอบด้าน
    เอเจนซี่ที่เคยทำงานกับคลินิกหรือธุรกิจสุขภาพมาก่อน จะเข้าใจตลาด และมองเห็นแนวทางที่เหมาะสมได้ชัดเจนกว่า
  • เข้าถึงเครื่องมือการตลาดที่ทันสมัย
    หลายเครื่องมือมีราคาสูง แต่เอเจนซี่ลงทุนไว้แล้ว ทำให้คลินิกของคุณได้ใช้เทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องลงทุนเอง
  • ได้มุมมองจากคนนอก
    การมีสายตาที่เป็นกลางช่วยให้เห็นจุดแข็ง–จุดอ่อนที่อาจมองข้าม และยังเปิดโอกาสไปสู่ไอเดียใหม่ ๆ อีกด้วย
  • ความยืดหยุ่นสูง
    สามารถปรับขนาดงานหรือบริการได้ตามความต้องการ ต่างจากการจ้างทีมประจำที่มีข้อจำกัดมากกว่า

ข้อเสียของการใช้ Marketing Agency

ทุกอย่างย่อมมีสองด้านเสมอ การจ้างเอเจนซี่ก็มีข้อจำกัดที่ควรพิจารณาเช่นกันค่ะ
  • ความเข้าใจในแบรนด์อาจไม่ลึกซึ้งเท่าคนใน
    ช่วงแรกเอเจนซี่อาจต้องใช้เวลาเรียนรู้ วัฒนธรรม การทำงาน และตัวตนของคลินิกให้มากพอ จึงจะสื่อสารได้ตรงใจ
  • การควบคุมงานน้อยกว่า
    เจ้าของคลินิกอาจไม่สามารถติดตามรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ได้ทั้งหมด ต้องอาศัยความไว้วางใจในความเป็นมืออาชีพของทีมเอเจนซี่
  • มีค่าใช้จ่ายรายเดือน
    โดยปกติจะมีค่าใช้จ่ายคงที่ตามสัญญา ซึ่งเป็นสิ่งที่คลินิกต้องวางแผนงบประมาณไว้ล่วงหน้าค่ะ
บทบาทของ In-house สำหรับคลินิก

บทบาทของทีม In-house สำหรับคลินิก

ทีม In-house คือ การจ้างพนักงานการตลาดเข้ามาเป็นพนักงานประจำของคลินิกโดยตรง ทีมนี้จะทำงานให้กับคลินิกเพียงแห่งเดียว จึงมีความเข้าใจในตัวตนของแบรนด์ บริการ และกลุ่มเป้าหมายของคนไข้อย่างลึกซึ้ง
การทำงานของทีม In-house มักใกล้ชิดกับฝ่ายบริหารและทีมแพทย์ ทำให้การสื่อสารรวดเร็ว และขับเคลื่อนไปในทิศทางเดียวกันกับเป้าหมายหลักของคลินิกได้ง่ายขึ้น การสร้างทีม In-house จึงเปรียบเสมือนการตั้ง “แผนกการตลาด” ของคลินิกขึ้นมาเองเลยค่ะ

ข้อดีของการมีทีม In-house

การสร้างทีมการตลาดประจำคลินิกเองก็มีข้อดีหลายด้าน ที่ทำให้เจ้าของคลินิกจำนวนไม่น้อยเลือกเส้นทางนี้ค่ะ
  • เข้าใจแบรนด์และวัฒนธรรมองค์กรอย่างลึกซึ้ง
    ทีมงานจะซึมซับตัวตนและเอกลักษณ์ของคลินิก ทำให้การสื่อสารออกมาในทิศทางเดียวกันและมีความสม่ำเสมอ
  • ทุ่มเทให้กับคลินิก 100%
    ทีม In-house ทำงานเพื่อคลินิกเพียงแห่งเดียว เป้าหมายหลักคือการช่วยให้คลินิกเติบโตและประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง
  • การสื่อสารและตัดสินใจรวดเร็ว
    เพราะอยู่ในองค์กรเดียวกัน สามารถคุย ปรับแผน หรือแก้ไขปัญหาได้ทันที โดยไม่ต้องรอการประสานงานจากภายนอก
  • ควบคุมการทำงานได้เต็มที่
    เจ้าของคลินิกสามารถกำหนดทิศทาง ติดตาม และปรับรูปแบบการทำงานได้อย่างใกล้ชิด

ข้อเสียของการมีทีม In-house

แม้การสร้างทีมการตลาดของตัวเองจะมีข้อดีหลายด้าน แต่ก็มีความท้าทายและต้นทุนที่ต้องพิจารณาค่ะ
  • ต้นทุนสูง
    เมื่อเทียบ จ้าง Agency VS จ้าง In-house การมีทีมประจำหลายตำแหน่งมักมีค่าใช้จ่ายมากกว่า ทั้งเงินเดือน สวัสดิการ ประกันสังคม โบนัส และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ
  • หาคนเก่งได้ยาก
    การหาพนักงานเพียงคนเดียวที่เชี่ยวชาญทุกด้าน ทั้ง SEO, Ads, Content และ Graphic เป็นเรื่องแทบเป็นไปไม่ได้
  • มีค่าใช้จ่ายแฝง
    เช่น ค่าซอฟต์แวร์ เครื่องมือการตลาด หรือค่าอบรมพัฒนาทักษะ ที่ต้องลงทุนเพิ่มตลอดเวลา
  • เสี่ยงต่อภาวะสมองไหล
    หากพนักงานหลักลาออก อาจกระทบกับงานที่กำลังดำเนินอยู่ และทำให้การตลาดสะดุดได้
  • มุมมองอาจจำกัด
    การทำงานกับแบรนด์เดียวเป็นเวลานาน อาจทำให้ขาดมุมมองใหม่ ๆ หรือปรับตัวตามเทรนด์การตลาดได้ไม่เร็วพอ
เปรียบเทียบ Agency VS In-house สำหรับคลินิก

เปรียบเทียบ การจ้าง Agency VS จ้าง In-house สำหรับคลินิก

เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น มาลองเปรียบเทียบกันแบบหมัดต่อหมัด ใน 3 ปัจจัยหลักที่เจ้าของคลินิกมักให้ความสำคัญ และถือเป็นตัวแปรสำคัญในการตัดสินใจว่าจะเลือก จ้าง Agency VS จ้าง In-house ค่ะ

1. ด้านต้นทุนและงบประมาณ

เรื่องงบประมาณถือเป็นปัจจัยแรก ๆ ที่เจ้าของคลินิกต้องคิดให้รอบคอบ การลงทุนด้านการตลาดควรคุ้มค่าและอยู่ในกรอบที่เหมาะสม ซึ่งทั้งสองรูปแบบมีโครงสร้างค่าใช้จ่ายที่ต่างกันอย่างชัดเจนค่ะ

การใช้ Marketing Agency

โดยทั่วไป ค่าใช้จ่ายของเอเจนซี่จะมาในรูปแบบค่าบริการรายเดือน (Retainer Fee) ที่แน่นอน ทำให้ควบคุมงบประมาณได้ง่ายขึ้น ในค่าบริการมักรวมทั้งค่าแรงของผู้เชี่ยวชาญหลายตำแหน่ง และค่าใช้จ่ายในการใช้เครื่องมือการตลาดต่าง ๆ ไว้แล้ว เมื่อมองภาพรวม จึงมักมีค่าใช้จ่ายที่ต่ำกว่าการสร้างทีมเอง

การมีทีม In-house

สำหรับทีม In-house ค่าใช้จ่ายจะมาจากหลายส่วน เช่น เงินเดือนพนักงาน (ซึ่งมักต้องมีอย่างน้อย 1–3 คนเพื่อทำงานได้ครอบคลุม) สวัสดิการ ประกันสังคม ค่าอุปกรณ์สำนักงาน รวมถึงค่า Subscription เครื่องมือการตลาดต่าง ๆ เมื่อนำมารวมกันแล้ว มักจะสูงกว่าค่าบริการของเอเจนซี่พอสมควร

2. ด้านความเชี่ยวชาญและประสบการณ์

การตลาดคลินิกมีการแข่งขันสูงและซับซ้อน ความรู้และความเชี่ยวชาญของทีมจึงเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จ การตัดสินใจระหว่าง จ้าง Agency หรือ จ้าง In-house จึงควรพิจารณาข้อนี้ให้ดี

การใช้ Marketing Agency

จุดแข็งของเอเจนซี่คือการรวมผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางไว้ในทีมเดียว ทั้ง
  • ผู้เชี่ยวชาญ SEO
  • นักยิงโฆษณา
  • คนเขียนคอนเทนต์ด้านสุขภาพ
  • กราฟิกดีไซเนอร์
นอกจากนี้ พวกเขามีประสบการณ์จากการดูแลลูกค้าหลากหลาย ทำให้มีองค์ความรู้ที่ทันสมัย และสามารถนำกลยุทธ์ที่เคยประสบความสำเร็จมาปรับใช้กับคลินิกของเราได้ทันที

การมีทีม In-house

ทีม In-house จะมีความเชี่ยวชาญเชิงลึกเกี่ยวกับบริการและจุดเด่นของคลินิกเราโดยเฉพาะ แต่ความเชี่ยวชาญด้านการตลาดอาจจำกัดอยู่กับทักษะของคนที่จ้างมา การอัปเดตความรู้ใหม่ ๆ จึงจำเป็นต้องลงทุนอบรมพนักงานอย่างต่อเนื่อง

3. ด้านความยืดหยุ่นและการควบคุม

ความสามารถในการปรับตัวตามสถานการณ์ และการควบคุมทิศทางของแบรนด์ ถือเป็นอีกปัจจัยสำคัญ ซึ่งทั้ง จ้าง Agency หรือ จ้าง In-house ก็มีผลลัพธ์ต่างกันค่ะ

การใช้ Marketing Agency

เอเจนซี่ให้ความยืดหยุ่นสูง หากต้องการปรับงบประมาณ เพิ่มหรือลดการลงทุนด้านการตลาด หรือปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ ก็สามารถทำได้ง่ายตามสัญญา นอกจากนี้ หากรู้สึกว่าการทำงานร่วมกันไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง ก็สามารถเปลี่ยนผู้ให้บริการได้สะดวก แต่ข้อจำกัดคือ การควบคุมงานในแต่ละวันจะน้อยกว่า เมื่อเทียบกับทีมที่อยู่ในคลินิกเอง

การมีทีม In-house

ทีมประจำช่วยให้ควบคุมทิศทางและสั่งงานได้โดยตรง การปรับเปลี่ยนเล็ก ๆ น้อย ๆ ทำได้ทันที การสื่อสารรวดเร็วและใกล้ชิดกับฝ่ายบริหาร แต่ข้อจำกัดคือ ความยืดหยุ่นในการปรับโครงสร้างทีมมีน้อย การเพิ่มหรือลดจำนวนพนักงานใช้เวลาและมีค่าใช้จ่ายสูง

สรุป

สุดท้ายแล้ว การตอบคำถามว่า จ้าง Agency VS จ้าง In-house แบบไหนดีกว่ากัน ไม่มีคำตอบที่ตายตัวค่ะ เพราะขึ้นอยู่กับบริบท ขนาด งบประมาณ และเป้าหมายของแต่ละคลินิก
  • หากคุณเป็น คลินิกใหม่ ที่ต้องการทีมมืออาชีพมาช่วยวางรากฐานการตลาดให้มั่นคง และควบคุมงบประมาณได้ การ จ้างเอเจนซี่ อาจเป็นคำตอบที่เหมาะสม
  • แต่ถ้าเป็น คลินิกขนาดใหญ่ ที่มีงบประมาณเพียงพอ และอยากได้ทีมที่เข้าใจแบรนด์อย่างลึกซึ้ง การสร้าง ทีม In-house ก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ
ที่ Wizdom เราเข้าใจความท้าทายเหล่านี้ดีในฐานะเอเจนซี่การตลาดที่เชี่ยวชาญด้านธุรกิจสุขภาพ ด้วยประสบการณ์ในการรับทำการตลาดคลินิกโดยเฉพาะ เราจึงพร้อมเป็นพาร์ทเนอร์ที่ช่วยให้คลินิกของคุณเติบโตอย่างมีทิศทางและยั่งยืนค่ะ สนใจเพิ่มยอดคนไข้ใหม่และดูแลฐานคนไข้เดิม ติดต่อเข้ามาปรึกษาเราได้เลยนะคะ

FAQ

เหมาะกับคลินิกส่วนใหญ่ โดยเฉพาะคลินิกเล็ก-กลางที่ยังไม่มีทีมการตลาด หรือคลินิกใหญ่ที่อยากได้ผู้เชี่ยวชาญมาช่วยเสริมทัพ เพราะ Agency มาพร้อมทีมและเครื่องมือครบ ทำให้ได้ผลลัพธ์เร็วโดยไม่ต้องสร้างทีมเองตั้งแต่ต้นค่ะ

ขึ้นอยู่กับเป้าหมายและขนาดคลินิกค่ะ ถ้าเริ่มต้นอาจมี 1-2 คน ดูแลโซเชียลและคอนเทนต์ แต่ถ้าต้องการการตลาดเต็มรูปแบบ (โฆษณา, SEO, กราฟิก) ควรมีอย่างน้อย 3-5 คนที่ถนัดแต่ละด้านค่ะ

ค่าใช้จ่ายใกล้เคียงกันแต่โครงสร้างต่างกันค่ะ In-house เป็นค่าใช้จ่ายประจำ (เงินเดือน, สวัสดิการ) ซึ่งถ้ามีหลายตำแหน่งอาจสูงขึ้น ส่วน Agency มักเก็บเป็นรายเดือน (Retainer) ที่ช่วยให้เข้าถึงทีมผู้เชี่ยวชาญได้ครบในงบที่คุมได้ คุ้มค่ากว่าในช่วงเริ่มต้นค่ะ

แนะนำให้เริ่มจาก Agency ค่ะ เพราะช่วยทำให้คลินิกเป็นที่รู้จักเร็วขึ้น เจ้าของยังมีเวลาทุ่มกับการดูแลคนไข้และงานระบบ หลังจากเติบโตมั่นคงแล้ว ค่อยสร้างทีม In-house ในอนาคตก็ได้ค่ะ

Similar Posts